www.fgks.org   »   [go: up one dir, main page]

ข้ามไปเนื้อหา

แดร์ริงเด็สนีเบอลุงเงิน

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
ริชชาร์ท วากเนอร์

แดร์ริงเด็สนีเบอลุงเงิน (เยอรมัน: Der Ring des Nibelungen) หรือ แหวนของนีเบอลุง เป็นปกรณัมชุดของริชชาร์ท วากเนอร์ คีตกวีชาวเยอรมันที่ใช้เวลาแต่งถึง 26 ปี ตั้งแต่ ค.ศ. 1848 ถึง 1874 โดยมีเค้าโครงเรื่องมาจากเทวตำนานนอร์สและมหากาพย์ นีเบอลุงเงินลีท ประกอบด้วยอุปรากรจำนวนสี่ภาค ซึ่งผู้แต่งระบุว่าเป็นอุปรากรไตรภาค และอีกหนึ่งบทนำ ได้แก่:

แหวนของนีเบอลุง มีเนื้อเรื่องกล่าวถึงเรื่องราวของคนแคระเผ่านีเบอลุงกับแหวนวิเศษ, ตำนานวัลคือเรอ, โศกนาฏกรรมของซีคฟรีทกับบรึนฮิลเดอ

เนื้อเรื่อง

บทนำ: ขุมทองแม่น้ำไรน์

ฉากคนแคระอัลเบอริชบังเอิญเจอภูติวารี

ณ โลกบาดาลก้นแม่น้ำไรน์ ภูติวารีจำนวนสามตนกำลังเล่นด้วยกัน คนแคระเผ่านีเบอลุงนามว่าอัลเบอริช (Alberich) ปรากฏตัวและพยายามจีบพวกหล่อน พวกหล่อนดูถูกรูปร่างหน้าตาของอัลเบอริชและหนีหายไป เมื่อตะวันลับฟ้า เขาสังเกตเห็นแสงอร่าม เมื่อเดินไปสำรวจก็พบทองคำและกลุ่มภูติวารี อัลเบอริชจึงสอบถาม ภูติวารีอธิบายว่านี่เป็นทองคำที่เสด็จพ่อให้พวกหล่อนเฝ้ายาม เพราะมันสามารถนำไปหลอมทำเครื่องประดับที่มีอำนาจครองภิภพ แต่ผู้ที่จะหลอมสำเร็จต้องเป็นคนที่ละทิ้งความรัก พวกหล่อนบอกว่าไม่มีอะไรต้องกลัวต่อให้บอกความจริงกับคนแคระหื่นกามอย่างอัลเบอริช อัลเบอริชได้ยินดังนั้นจึงปฏิเสธความรัก และตัดสินใจขโมยทองคำ

เมื่ออัลเบอริชกลับไปยังนีเบิลไฮม์ นครใต้ภิภพ เขาใช้อำนาจของแหวนทำให้คนเคระห์ทั้งหมดรับใช้ตนเอง เขายังบังคับให้พี่ชายของตนใช้ทองคำสร้างหมวกทาร์นเฮล์ม (Tarnhelm) ซึ่งมีอำนาจวิเศษ อัลเบอริชปกครองเหล่าคนแคระอย่างโหดร้ายกดขี่ จอมเทพโวทันบังเอิญผ่านมาที่นีเบิลไฮม์และทราบเรื่อง พระองค์จึงวางแผนกับเทพโลเกอ อัลเบอริชอวดอ้างแหวนกับแขกแปลกหน้าผู้มาเยือน และบอกว่าจะครองโลกด้วยแหวนวงนี้ โลเกอถามว่าเวลาหลับจะป้องกันตัวอย่างไร? อัลเบอริชตอบว่าตนมีหมวกที่ทำให้ล่องหนหรือแปลงกาย โลเกอขอรับชมเป็นขวัญตา อัลเบอริชแปลงเป็นพญางู โลเกอแสร้งชื่นชมและถามว่าแปลงเป็นสัตว์ตัวเล็กมากได้ไหม? อัลเบอริชแปลงเป็นคางคก โวทันกับโลเกอจึงจับตัวอัลเบอริชมัดแขนขา และพาตัวขึ้นมาบนผืนดิน จอมเทพโวทันกับเทพโลเกอบังคับให้อัลเบอริชนำทองทั้งหมดมาแลกกับอิสรภาพ อัลเบอริชยินยอมทำตาม อัลเบอริชขัดขืนไม่ยอมส่งแหวนวิเศษ จอมเทพโวทันจึงตัดนิ้วอัลเบอริชและสวมไว้เอง อัลเบอริชจึงสาปแหวนว่าใครก็ตามที่สวมแหวนนี้ จะมีจุดจบโดนแย่งแหวนและถูกฆ่า

สุริยเทพีไฟรอา (Freia) น้องเมียของจอมเทพ ถูกยักษ์สองตนชื่อฟาโซลท์กับฟาฟเนอร์ลักพาตัวเรียกค่าไถ่เป็นทองคำมากพอจะปิดบังรัศมีนางจนมิด ทวยเทพระดมทองคำแต่ก็ยังหวิด เหลือแต่เพียงช่องว่างขนาดเท่าดวงตา ยักษ์ฟาฟเนอร์เห็นแหวนที่นิ้วของจอมเทพ จึงเรียกร้องจะเอาแหวน จอมเทพจึงยอมมอบแหวนให้ พวกยักษ์ปล่อยตัวประกันและเริ่มแบ่งสมบัติ แต่แบ่งไม่ลงตัว ฟาฟเนอร์จึงทุบฟาโซลท์จนตาย และใช้หมวกทาร์นเฮล์มแปลงกายเป็นมังกรและคุ้มครองสมบัติกับแหวนอยู่ในป่าลึก

ภาคหนึ่ง: ธิดาวัลคือเรอ

ชายแปลกหน้าหลบพายุเข้ามาในกระท่อมหลังหนึ่งใกล้ต้นไม้ยักษ์ในสภาพไร้อาวุธและบาดเจ็บเกินจะไปต่อ เขาพบกับซีคลินเดอ (Sieglinde) นางแนะนำตัวว่าเป็นภริยาของชายที่ชื่อฮุนดิง ทั้งสองเริ่มมีความสนใจต่อกัน แต่ก็ถูกขัดจังหวะโดยสามีของนางที่ชื่อฮุนดิง ฮุนดิงต้อนรับชายแปลกหน้าอย่างดิบดีโดยเรียกเขาว่า "พ่อหนุ่มหมาป่า" (เพราะสวมใส่เสื้อคลุมขนหมาป่า) และไถ่ถามที่มา

ชายแปลกหน้าอธิบายว่าตนเองเคยเติบโตในป่า อยู่กับพ่อแม่และน้องสาวฝาแฝดอีกคน พ่อของเขามีนามว่า "วอล์ฟ" (Wolf) เป็นคนที่มีศัตรูไปทั่ว วันหนึ่งเมื่อเขากลับถึงบ้าน ก็พบว่าบ้านถูกเผาวอด แม่ถูกฆ่า พ่อกับน้องสาวก็หายตัวไป ที่พบมีเพียงเสื้อคลุมขนหมาป่าของบิดาตกอยู่ในป่า ตัวเองเลยต้องระหกระเหินคนเดียวนับแต่นั้น ไม่กี่วันก่อนเขาเห็นหญิงสาวถูกฉุกลากเลยเข้าไปช่วยหล่อนและฆ่าชายพวกนั้น แต่มารู้ทีหลังว่าผู้ตายคือพี่ชายและญาติที่ลากเธอไปแต่งงาน ครอบครัวนั้นเลยตามล่าเขา เขาต่อสู้จนได้รับบาดเจ็บ สูญเสียดาบ และหลบหนีมา ฮุนลิงเปิดเผยว่าตนเองคือหนึ่งในคนที่กำลังตามล่าชายแปลกหน้า ฮุนดิงบอกว่าคืนนี้บ้านหลังนี้จะต้อนรับพ่อหนุ่มหมาป่า แต่วันพรุ่งนี้ต้องสู้กันจนตายไปข้างหนึ่ง

ซีคมุนด์ดึงดาบโนทุงจากต้นไม้ยักษ์

เมื่ออยู่คนเดียว ชายแปลกหน้าตัดพ้อถึงบิดา บิดาของเขาเคยสัญญาว่าจะมอบดาบให้ในยามที่เขาต้องการที่สุด แล้วไหนล่ะดาบ? แล้วซีคลินเดอก็เข้ามาหาเขา เธอวางยานอนหลับสามีเพื่อจะได้พบชายแปลกหน้าเพียงลำพัง เธอระบายความอัดอั้นว่าเธอเองก็เป็นคนที่ถูกบังคับให้แต่งงานเหมือนกัน นางเล่าว่าในวันแต่งงานของนาง มีชายแก่น่ากลัวคนหนึ่งปักดาบไว้ที่ต้นไม้ยักษ์ แล้วประกาศว่ามีเพียงวีรบุรุษเท่านั้นที่จะดึงออก แต่ไม่เคยมีใครดึงออก ทั้งสองโอบกอดกัน แล้วซีคลินเดอก็เผยว่าตนเองคือน้องสาวที่พลัดพรากของชายแปลกหน้า นางเรียกเขาด้วยชื่อจริงว่าซีคมุนด์ (Siegmund) นางเชื่อว่าซีคมุนด์คือวีรบุรุษที่จะมาปลดปล่อยเธอจากฮุนดิง ซีคมุนด์ดึงดาบอย่างง่ายดายและตั้งชื่อมันว่า "ดาบโนทุง" (Nothung) แล้วทั้งสองก็บรรเลงรักกัน

บนสันเขาสูง จอมเทพผู้เป็นบิดาของซีคมุนด์ บัญชาให้ธิดาวัลคือเรอนามว่าบรึนฮิลเดอปกป้องซีคมุนด์ในการต่อสู้วันรุ่งขึ้น แต่แล้วเทพีฟริกกาก็ปรากฏตัว นางในฐานะเทพีแห่งครอบครัวต้องการให้ซีคมุนด์และซีคลินเดอได้รับโทษข้อหาคบชู้และสมสู่ร่วมสายโลหิต ทั้งสองยกเหตุผลมาโต้เถียงกัน แต่จอมเทพเถียงสู้ไม่ได้ จึงยอมตกลงว่าจะไม่ปกป้องซีคมุนด์ และจำใจสั่งบรึนฮิลเดอทำให้ฮุนดิงเป็นฝ่ายชนะ

บรึนฮิลเดอแจ้งซีคมุนด์เกี่ยวกับความตายที่กำลังมาเยือน แต่นางพาซีคลินเดอไปวัลฮัลลาด้วยไม่ได้ ซีคมุนด์ไม่ยอมเป็นฝ่ายตาย เขาเชื่อว่าดาบโนทุงจะนำมาซึ่งชัยชนะ แต่บรึนฮิลเดอแจ้งว่าดาบโนทุงไม่มีพลัง ซีคมุนด์จึงขู่ว่าจะฆ่าซีคลินเดอและฆ่าตัวตายตาม บรึนฮิลเดอสงสารจึงขัดคำสั่งจอมเทพ ในการประลอง ซีคมุนด์ได้เปรียบเหนือฮุนดิงด้วยอำนาจของบรึนฮิลเดอ แต่แล้วจอมเทพก็ปรากฏตัวและใช้หอกกุงนีร์ทำลายดาบของซีคมุนด์จนแตกละเอียด ฮุนลิงแทงซีคมุนด์จนถึงแก่ความตาย บรึนฮิลเดอเก็บเศษซากของดาบโนทุงและขี่ม้าหนีไปพร้อมกับซีคลินเดอ จากนั้นจอมเทพก็ฆ่าฮุนดิงและไล่ตามบรึนฮิลเดอ

เหล่าวัลคือเรอรวมตัวบนยอดเขา แต่ละนางอุ้มร่างไร้ลมหายใจของวีรุบุรษ บรึนฮิลเดอมาถึงพร้อมกับซีคลินเดอและร้องขอความช่วยเหลือจากเหล่าพี่น้อง แต่ไม่มีใครกล้าขัดคำสั่งจอมเทพ ซีคลินเดอกล่าวว่าถ้าไม่มีซีคมุนด์ นางก็ไม่อยากมีชีวิตต่อ บรึนฮิลเดอแจ้งว่าซีคลินเดอตั้งท้องกับซีคมุนด์ ขอให้นางมีชีวิตต่อเพื่อเห็นแก่เด็ก และขอให้ตั้งชื่อเด็กว่าซีคฟรีท (Siegfried) บรึนฮิลเดอมอบเศษซากดาบโนทุงให้แก่นาง เมื่อซีคลินเดอจากไป จอมเทพก็เดินทางมาถึงพร้อมความพิโรธ ทรงริบฤทธิ์เดชของบรึนฮิลเดอเป็นเพียงหญิงมนุษย์ธรรมดา นางจะต้องหลับไหลไร้ส่งกำบังอยู่บนภูเขาจนกว่าจะมีบุรุษมาพบนาง แล้วจอมเทพก็บันดาลให้นางหลับไหลอยู่บนหินก้อนหนึ่ง และรับสั่งให้เทพโลเกอเสกเปลวไฟนิรันดร์คลุมรอบร่างของนางไว้

ภาคสอง: ซีคฟรีท

ในป่าลึกภายในหุบเขา ซีคฟรีทกลับจากการเที่ยวเล่นในป่าพร้อมกับดาบที่ทำพังอีกแล้ว ซีคฟรีทตำหนิคนแคระนามว่ามีเมอ ว่าไม่มีปัญญาทำดาบดีๆ ทั้งสองมีปากเสียง มีเมอตัดพ้อว่าเลี้ยงดูซีคฟรีทมาตั้งแต่เกิด ซีคฟรีทไม่เชื่อว่ามีเมอคือพ่อที่แท้จริงของตน เพราะพละกำลังต่างกันลิบลับ จึงเค้นเอาความจริง มีเมอสารภาพว่าเขาพบกับหญิงนามว่าซีคลินเดอในป่า นางคลอดลูกและเสียชีวิต มีเมอจึงเก็บซีคฟรีทมาเลี้ยง มีเมอเอาเศษซากดาบโนทุงมาแสดง ซึ่งเป็นดาบของบิดาที่แท้จริง ซีทฟรีดสั่งให้มีเมอตีดาบโนทุงขึ้นมาใหม่จากเศษซากเดิม แล้วก็โกรธหัวเหวี่ยงออกจากบ้าน มีเมอรู้สึกอับจนหนทาง เขาเก็บบุตรมนุษย์มาเลี้ยงเพื่อหวังให้จัดการมังกร แล้วตนเองจะได้ครอบครองแหวน แต่ตอนนี้ ตนเองกลับไม่มีปัญญาสร้างดาบที่จะใช้ฆ่ามังกร

ชายแก่คนหนึ่งปรากฏตัวที่หน้าบ้านและแนะนำตัวว่าเขาเป็นนักพเนจร ขอมาแวะพักสักครู่ เพื่อเป็นการตอบแทน ชายแก่จะตอบคำถามสามข้อ มีเมอจึงถามว่า ชื่อของเผ่าที่จอมเทพรักใคร่ที่สุดแต่ถูกปฏิบัติอย่างโหดร้ายที่สุด, ชื่อของดาบที่สามารถสังหารมังกรฟาฟเนอร์ และชื่อของผู้ที่สามารถตีดาบนั้น ชายแก่ตอบตามลำดับว่า "เผ่าเวิลซุง" (เผ่าของมารดาของซีคมุนด์กับซีคลินเดอ), "ดาบโนทุง" และ "ผู้ไม่รู้จักกลัว" แล้วชายแก่ก็จากไป มีเมอไม่มีปัญหากับสองคำตอบแรก แต่คำตอบสุดท้ายทำเอาเขาหัวเสียทีเดียว

ซีคฟรีทกลับมาที่บ้าน แล้วถามหาดาบที่สั่งไว้ มีเมอบอกว่าตนหมดปัญญาแล้ว แล้วมีเมอก็นึกได้ว่า "ผู้ไม่รู้จักกลัว" คงหมายถึงซีคฟรีท สิ่งเดียวที่ซีคฟรีทกลัวคือตนเอง นักพเนจรคงทำนายไว้ว่าในอนาคต มีเมอจะถูกซีคฟรีทฆ่า เมื่อมีเมอคิดได้ดังนั้นจึงบอกซีคฟรีทว่า ทักษะที่สำคัญอย่างหนึ่งคือความกลัว ชายหนุ่มมีท่าทางสนใจมาก(เพราะไม่รู้ว่าความกลัวหมายถึงอะไร) มีเมอจึงบอกว่างั้นจะพาไปหามังกรฟาฟเนอร์เพื่อสอนให้รู้จักความกลัว ชายหนุ่มจึงลงมือตีดาบโนทุงด้วยตนเอง ในเวลาเดียวกัน มีเมอก็แอบปรุงยาพิษเพื่อใช้กับซีทฟรีทหลังฆ่ามังกร และแล้ว ชายหนุ่มก็ตีดาบโนทุงสำเร็จ

ในคืนเดียวกัน นักพเนจรปรากฏตัวต่อหน้าอัลเบอริช พี่ชายของมีเมอ ซึ่งเฝ้ารออยู่หน้าปากถ้ำมังกรมาตลอดเพื่อรอให้ใครสักคนมาจัดการมังกร แล้วตนเองจะได้ครอบครองแหวนอีกครั้ง อัลเบอริชเห็นนักพเนจรก็รู้ว่านั่นคือจอมเทพ จอมเทพบอกว่าตนไม่ได้จะมาแทรกแซง แค่มาสังเกตการณ์ พร้อมบอกอัลเบอริชให้ระวังมีเมอเอาไว้ จอมเทพปลุกฟาฟเนอร์และเตือนว่ากำลังจะมีวีรบุรุษหนุ่มมาฆ่าเขา อัลเบอริชบอกใฟ้ฟาฟเนอร์ทิ้งแหวนเสีย ไม่งั้นจะโดนฆ่า ฟาฟเนอร์ไม่สนใจและหลับต่อ อัลเบอริชและนักพเนจรเดินทางจากไป

วันต่อมา เมื่อซีคฟรีทไปถึงปากถ้ำก็ได้ยินเสียงนกร้องเป็นทำนองไพเราะ จึงเป่าขลุ่ยเลียนเสียงแต่ไม่เหมือน จึงลองด้วยแตรเขาสัตว์ก็ยังไม่เหมือนอีก ฟาฟเนอร์ตื่นและออกมาจากถ้ำ หลังพูดคุยกันสักพัก ทั้งสองก็ต่อสู้กัน ซีคฟรีทสามารถแทงดาบโนทุงที่กลางใจของฟาฟเนอร์ ฟาฟเนอร์เตือนชายหนุ่มเกี่ยวกับคำสาปแห่งแหวนแล้วก็สิ้นใจ ซีคฟรีทเลียนิ้วของตนที่เปื้อนเลือดมังกร แล้วเขาก็เข้าใจภาษานก เลือดของมังกรทำให้เขาอ่านใจมีเมอได้ด้วย เมื่อเห็นว่ามีเมอเอายาพิษมาให้ตนดื่ม ซีคฟรีทจึงสังหารมีเมอด้วยความรังเกียจ ด้วยเหตุฉะนี้ ซีคฟรีทจึงได้ครอบครองหมวกทาร์นเฮล์มและแหวนวิเศษ ซีคฟรีทอยู่โดดเดี่ยวท่ามกลางธรรมชาติ และได้รับฟังเรื่องเทวดาตกสวรรค์ผู้นิทราอยู่บนภูเขากลางทะเลเพลิงจากฝูงนก ชายหนุ่มสงสัยว่าเทวดาจะทำให้เขารู้จักความกลัวได้ไหม จึงตามฝูงนกไปยังภูเขา

ซีคฟรีทปลุกบรึนฮิลเดอ

ซีคฟรีทมาถึงตีนเขาก็พบกับนักพเนจร นักพเนจรถามคำถามชายหนุ่ม ชายหนุ่มไม่รู้ว่าอีกฝ่ายคือจอมเทพ คิดว่าเป็นชายแก่ธรรมดาจึงตอบกลับอย่างโอหัง นักพเนจรขวางซีคฟรีทจึงเกิดการต่อสู้กัน ซีคฟรีทใช้ดาบโนทุงทำลายหอกของนักพเนจร(เล่มเดียวกับที่เคยทำลายดาบโนทุง)จนแตกเป็นเสี่ยงๆ นักพเนจรเห็นดังนั้นก็เข้าใจว่ายุคแห่งการปกครองโดยทวยเทพสิ้นสุดแล้ว จึงเก็บเศษซากหอกและจากไป ซีคฟรีทมาถึงยอดเขาและพบคนชุดเกราะนอนหลับไหลอยู่ ชายหนุ่มไม่เคยเห็นสตรีมาก่อน จึงเข้าใจว่าคนในชุดเกราะเป็นผู้ชาย เมื่อเขาถอดชุดเกราะของอีกฝ่ายออก ความงดงามของบรึนฮิลเดอก็ทำให้เขาตกตะลึง ชายหนุ่มคิดว่าอีกฝ่ายเป็นผู้ชายที่งดงามอะไรเช่นนี้ ชายหนุ่มจุมพิตอีกฝ่ายเพื่อปลุกจากนิทรา ในตอนแรกนางปฏิเสธรักจากซีคฟรีท เพราะความรักกับมนุษย์จะทำให้ความเป็นอมตะของเธอสิ้นสุดลง แต่สุดท้าย เธอก็ยอมรับรักจากซีคฟรีท และครองรักกันอย่างมีความสุข

ภาคสาม: เทวาลาลับ

ซีคฟรีทได้ครองรักกับบรึนฮิลเดออย่างมีความสุข วันหนึ่งซีคฟรีทต้องการออกไปผจญโลกภายนอก จึงร่ำลาภรรยาและสัญญาว่าจะรักนางเพียงผู้เดียว พร้อมสวมแหวนวิเศษให้นางเป็นของดูต่างหน้า แล้วจึงออกเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ

ณ นครกีบิชชุง เสนาบดีฮาเกิน (Hagen) น้องต่างแม่ของกษัตริย์กุนเทอร์ (Gunther) ต้องการครองแหวนวิเศษ จึงเป่าหูกษัตริย์ว่าบนปฐพีนี้ไม่มีผู้ใดคู่ควรกับแหวนวิเศษมากกว่าพระองค์และพระขนิษฐา (เจ้าหญิงครีมฮิลด์) ฮาเกินลวงซีคฟรีทเข้ามาในวังและวางยาเสน่ห์จนเขาลืมภรรยาและเมารักพระขนิษฐา ซีคฟรีทสาบานเป็นพี่น้องกับกษัตริย์กุนเทอร์ และสัญญาว่าจะเอาตัวนางฟ้าตกสวรรค์มาถวายเป็นชายา

ซีคฟรีทเดินทางกลับไปยังภูเขาอัคคีโดยใช้ของวิเศษปลอมตนให้มีใบหน้าเหมือนกษัตริย์กุนเทอร์ ฝ่าทะเลเพลิงขึ้นไปข่มเหงบรึนฮิลเดอ ถอดแหวนวิเศษที่เป็นเครื่องรางความรักมาสวมไว้เอง ก่อนที่จะนำตัวบรึนฮิลเดอกลับไปถวายกษัตริย์กุนเทอร์ เมื่อไปถึงพระราชวัง บรึนฮิลเดอพบกับซิคฟรีทที่กลายเป็นสามีของพระขนิษฐา เมื่อเห็นแหวนวิเศษบนนิ้วของซิคฟรีท นางประติดประต่อเรื่องราวได้ทั้งหมด นางแค้นที่ถูกทรยศจึงบอกมหาดเล็กฮาเกินว่ากลางหลังคือจุดอ่อนเดียวของซีคฟรีท

ฮาเกินให้ซีคฟรีทดื่มน้ำถอนยาเสน่ห์ ซีคฟรีทคืนความทรงจำและตระหนักถึงความผิดพลาด เขาคร่ำครวญเสียใจและถูกฮาเกินฆ่าตาย จากนั้น ฮาเกินกับกษัตริย์กุนเทอร์ก็แย่งชิงแหวนวิเศษและเสียชีวิตทั้งคู่ บรึนฮิลเดอตัดสินใจว่าจะล้างคำสาปของแหวน นางจัดพิธีเผาศพให้ซีคฟรีทอย่างสมเกียรติ นางสวมแหวนและขี่ม้าเข้าไปในกองเพลิงเผาศพสามี และมอดไหม้สูงถึงสรวงสรรค์

หลังเปลวเพลิงล้างผลาญ แม่น้ำไรน์ก็ไหลบ่าขึ้นท่วมทุกสิ่ง ทองคำกลับสู่ที่ที่ควรจะอยู่ จอมเทพประทับอยู่ในวัลฮัลลาท่ามกลางเปลวเพลิง รอคอยการสิ้นสุดแห่งยุคเทพ และกำเนิดยุคของมนุษย์

อิทธิพล

แหวนของนีเบอลุง เป็นแรงบันดาลใจและมีอิทธิพลอย่างมหาศาลต่อเจ. อาร์. อาร์. โทลคีน ในการแต่งปกรณัมชุดมิดเดิลเอิร์ธ

ดนตรีจากช่วงโหมโรง และฉากที่ 1 ("Hojotoho! Heiaha") องก์ที่ 3 ของภาคDie Walküre มีท่วงทำนองที่ได้รับความนิยม มีชื่อเรียกว่า "วัลคือเรินรีท" (Walkürenritt) หรือ "รีทแดร์วัลคือเริน" (Ritt der Walküren) ออกบรรเลงครั้งแรกเมื่อ ค.ศ. 1870 ที่มิวนิก เป็นตอนที่บรรดาวัลคือเรอพี่สาวของบรึนฮิลเดอจำนวนสี่นางบินรวมกลุ่มกัน ดนตรีท่อนนี้เป็นที่นิยมนำมาบรรเลงซ้ำในวัฒนธรรมสมัยนิยม เช่น นำไปบรรเลงประกอบภาพยนตร์ เดอะ เบิร์ธ ออฟ อะ เนชั่น ในค.ศ. 1915[1] และฉากเฮลิคอปเตอร์ของกองทัพสหรัฐโจมตีหมู่บ้านเวียดกงในภาพยนตร์ อะโพคาลิปส์นาว ใน ค.ศ. 1979[2]

อ้างอิง

แหล่งข้อมูลอื่น

  • ฟังผลงาน Prelude and entrance of the Gods into Valhalla (From Das Rheingold) ที่ มิวโซเพน
  • ฟังผลงาน Die Walkure (The Valkyries) ที่ มิวโซเพน
  • ฟังผลงาน Fantasie, Funeral March and Finale (from Siegfried) ที่ มิวโซเพน
  • "Das Rheingold – Entire vocal score online". William and Gayle Cook Music Library. Indiana University School of Music.
  • Ring synopsis
  • "The "Kirov" Ring: Let's Hear It for the Home Team". The New York Times– Arts Blog by Anthony Tommasini. 2007.
  • "Radio Lab – The Ring and I". WNYC – A podcast about The Ring. 2004.