ผลต่างระหว่างรุ่นของ "แดร์ริงเด็สนีเบอลุงเงิน"
ไม่มีความย่อการแก้ไข |
|||
(ไม่แสดง 35 รุ่นระหว่างกลางโดยผู้ใช้ 7 คน) | |||
บรรทัด 1: | บรรทัด 1: | ||
[[ไฟล์:RichardWagner.jpg|200px|thumb|[[ริชชาร์ท วากเนอร์]] ผู้ประพันธ์]] |
|||
[[ไฟล์:Bühnenbildentwurf Rheingold.JPG|310px|thumb|ฉากที่ 1 ภาค ''Das Rheingold'']] |
|||
'''''แดร์ริงเด็สนีเบอลุงเงิน''''' ({{lang-de|Der Ring des Nibelungen}}) หรือ '''''แหวนของนีเบอลุง''''' เป็น[[ปกรณัมชุด]]ของ[[ริชชาร์ท วากเนอร์]] [[คีตกวี]]ชาวเยอรมันซึ่งใช้เวลาประพันธ์ยาวนาถึง 26 ปี ตั้งแต่ ค.ศ. 1848 จนถึง 1874 โดยมีเค้าโครงเรื่องมาจาก[[ตำนานเทพเจ้านอร์ส|เทวตำนานนอร์ส]]และมหากาพย์ ''[[นีเบอลุงเงินลีท]]'' |
|||
[[ไฟล์:Wagner - Götterdämmerung, act III - Siegfried's death - The Victrola book of the opera.jpg|310px|thumb|องก์ที่ 3 ภาค ''Götterdämmerung'' ฉากการตายของซีคฟรีท]] |
|||
วากเนอร์แต่งอุปรากรเรื่องนี้ขึ้นมาด้วยความมั่นหมายให้เป็น "สมบูรณศิลปกรรม" ({{lang|de|Gesamtkunstwerk}}) หมายถึงเป็นศิลปกรรมที่มีความสมบูรณ์แบบเบ็ดเสร็จทุกด้าน ความมุ่งหมายของเขาประสบผลสำเร็จอย่างงดงาม ''แหวนของนีเบอลุง'' ไม่เพียงเป็นอุปรากรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเยอรมัน แต่ยังเป็นอุปรากรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลกจนได้รับยกย่องเป็น "มหาอุปรากร" ({{lang|de|Großoper}}) |
|||
'''''แดร์ริงเด็สนีเบอลุงเงิน''''' ({{lang-de|Der Ring des Nibelungen}} หรือ '''''แหวนของนีเบอลุง''''' เป็น[[ปกรณัมชุด]]ของ[[ริชชาร์ท วากเนอร์]] [[คีตกวี]]ชาวเยอรมันที่ใช้เวลาแต่งถึง 26 ปี ตั้งแต่ ค.ศ. 1848 ถึง 1874 โดยมีเค้าโครงเรื่องมาจาก[[ตำนานเทพเจ้านอร์ส|เทวตำนานนอร์ส]]และมหากาพย์ ''[[นีเบอลุงเงินลีท]]'' ประกอบด้วย[[อุปรากร]]จำนวนสี่ภาค ซึ่งผู้แต่งระบุว่าเป็นอุปรากรไตรภาค และอีกหนึ่งบทนำ ได้แก่: |
|||
อุปรากรเรื่องนี้ต้องใช้เวลาแสดงกว่าสิบห้าชั่วโมง ประกอบด้วยสี่ภาค ผู้แต่งระบุว่าเป็นบุพภาคและไตรภาค อันได้แก่: |
|||
* ''Das Rheingold'' (ขุมทองแม่น้ำไรน์) |
|||
* ''Die Walküre'' (ธิดา[[วัลคือเรอ]]) |
|||
* ''Das Rheingold'' (''ขุมทองแม่น้ำไรน์'') |
|||
* ''Siegfried'' (ซีคฟรีท) |
|||
* ''Die Walküre'' (''ธิดา[[วัลคือเรอ]]'') |
|||
* ''[[เกิทเทอร์เด็มเมอรุง|Götterdämmerung]]'' (เทวาสนธยา) |
|||
* ''Siegfried'' (''ซีคฟรีท'') |
|||
* ''[[เกิทเทอร์เด็มเมอรุง|Götterdämmerung]]'' (''เทวาอัสดง'') |
|||
''แหวนของนีเบอลุง'' มี |
''แหวนของนีเบอลุง'' มีเรื่องราวเกี่ยวกับ[[คนแคระ]]เผ่านีเบอลุงกับแหวนวิเศษ, การเนรเทศ[[วัลคือเรอ]]นามว่า[[บรึนฮิลเดอ]],โศกนาฏกรรมของซีคฟรีทกับบรึนฮิลเดอ |
||
==ตัวละคร== |
|||
{| class="wikitable" |
|||
|- |
|||
! ทวยเทพ |
|||
! มนุษย์ |
|||
! [[วัลคือเรอ]]/ วัลคีรี่ |
|||
! อื่นๆ |
|||
|- valign=top |
|||
| |
|||
* [[โอดินน์|โวทัน]](โอดิน): ''จอมเทพ เทพแห่งแสง/อากาศ/วายุ'' |
|||
* [[Frigg|ฟริกกา]] (เฟร์ย่า): ''มเหสีของโวทัน เทพีแห่งการครองคู่'' |
|||
* [[เฟร็วยา|ไฟรอา]]: ''น้องสาวฟริกกา เทพแห่งความรัก/ความเยาว์/ความงาม'' |
|||
* [[ธอร์|โดนเนอร์]] (ธอ): น้อง''ชายฟริกกา เทพแห่งสายฟ้า'' |
|||
* [[Freyr|โฟร]]: ''น้องชายฟริกกา เทพแห่งฤดูไม้ผลิ/อาทิตย์อุทัย/ความสุข'' |
|||
* [[Urðr|แอร์ดา]]: ''เทพีแห่งปัญญา/ชะตา/ปฐพี'' |
|||
* [[โลกี|โลเกอ]](โลกิ): ''เทพแห่งอัคคี'' |
|||
| |
|||
'''เผ่าเวิลซุง''' |
|||
* ซีคมุนด์: ''บุตรฝาแฝดของจอมเทพโวทัน'' |
|||
* ซีคลินเดอ: ''บุตรฝาแฝดของจอมเทพโวทัน'' |
|||
* ซีคฟรีท: ''บุตรของทั้งสอง'' |
|||
'''ตระกูลไนดิง''' |
|||
* ฮุนดิง ''สามีของซีคลินเดอ, หัวหน้าตระกูลไนดิง'' |
|||
'''นครกีบิชชุง''' |
|||
* กุนเทอร์: ''กษัตริย์แห่งชาวกีบิชชุง'' |
|||
* กูทรูเนอ: ''พระขนิษฐาร่วมมารดา'' |
|||
* ฮาเกิน: ''พระอนุชาต่างมารดา บุตรของอัลเบอริช'' |
|||
| |
|||
* [[บรึนฮิลเดอ]] |
|||
* วัลเทราเทอ |
|||
* เฮล์มวีเงอ |
|||
* แกร์ฮิลเดอ |
|||
* ซีครูเนอ |
|||
* ชแวร์ทไลเทอ |
|||
* ออร์ทลินเดอ |
|||
* กริมแกร์เดอ |
|||
* ร็อสไวส์เซอ |
|||
| |
|||
'''นางอัปสรแม่น้ำไรน์''' |
|||
* โวคลินเดอ |
|||
* เว็ลกุนเดอ |
|||
* ฟลอสฮิลเดอ |
|||
'''[[ยอตุนน์|ยักษา]]''' |
|||
* [[Regin|ฟาโซลท์]] |
|||
* [[Fafnir|ฟาฟเนอร์]]: ''น้องชายฟาโซลท์ ต่อมาแปลงเป็นมังกร'' |
|||
'''คนแคระนีเบอลุง''' |
|||
* [[อัลเบอริช]]: ''ผู้สร้างแหวนวิเศษ'' |
|||
* [[Regin|มีเมอ]]: ''น้องชายอัลเบอริช พ่อบุญธรรมซีคฟรีท'' |
|||
|} |
|||
==เนื้อเรื่อง== |
==เนื้อเรื่อง== |
||
=== |
===บุพภาค: ''ขุมทองแม่น้ำไรน์''=== |
||
[[ไฟล์:Bühnenbildentwurf Rheingold.JPG|300px|thumb|ฉากคนแคระอัลเบอริชบังเอิญเจอนางอัปสร]] |
|||
ที่โลกบาดาลก้นแม่น้ำไรน์ ภูติวารีจำนวนสามตนกำลังเล่นด้วยกัน คนแคระเผ่านีเบอลุงนามว่าอัลเบอริช (Alberich) ปรากฎตัวและพยายามจีบพวกหล่อน พวกหล่อนดูถูกรูปร่างหน้าตาของอัลเบอริชและหนีหายไป เมื่อตะวันลับฟ้า เขาสังเกตุเห็นแสงอร่าม เมื่อเดินไปสำรวจก็พบทองคำและกลุ่มภูติวารี อัลเบอริชจึงสอบถาม ภูติวารีอธิบายว่านี่เป็นทองคำที่เสด็จพ่อให้พวกหล่อนเฝ้ายาม เพราะมันสามารถนำไปหลอมทำเครื่องประดับที่มีอำนาจครองภิภพ แต่ผู้ที่จะหลอมสำเร็จต้องเป็นคนที่ละทิ้งความรัก พวกหล่อนบอกว่าไม่มีอะไรต้องกลัวต่อให้บอกความจริงกับคนแคระหื่นกามอย่างอัลเบอริช อัลเบอริชได้ยินดังนั้นจึงปฏิเสธความรัก และตัดสินใจขโมยทองคำ |
|||
ณ แม่น้ำไรน์ ธิดาอัปสรนามว่าโวคลินเดอ ({{lang|de|Woglinde}}), เว็ลกุนเดอ ({{lang|de|Wellgunde}}) และฟลอสฮิลเดอ ({{lang|de|Flosshilde}}) กำลังระบำร่ายรำอย่างสนุกสนาน คนแคระเผ่านีเบอลุงนามว่าอัลเบอริช ({{lang|de|Alberich}}) ปรากฏตัวและพยายามเกี้ยวพาราสีพวกหล่อน พวกธิดาอัปสรดูถูกรูปร่างหน้าตาของอัลเบอริช อัลเบอริชโกรธจึงวิ่งไล่ตาม ท้ายที่สุดพวกธิดาอัปสรก็หายตัวไป อัลเบอริชหยุดพักด้วยความเหนื่อยล้า เมื่อตกกลางคืน เขาสังเกตเห็นแสงอร่าม เมื่อเดินไปสำรวจก็พบทองคำและกลุ่มธิดาอัปสร อัลเบอริชจึงสอบถาม พวกธิดาอัปสรอธิบายว่านี่เป็นทองคำที่เสด็จพ่อให้พวกหล่อนเฝ้ายาม เพราะมันสามารถนำไปหลอมทำเครื่องประดับที่มีอำนาจครองพิภพ แต่ผู้ที่จะหลอมสำเร็จต้องเป็นคนที่ละทิ้งความรัก พวกธิดาอัปสรบอกว่าไม่มีอะไรต้องกลัวต่อให้บอกความจริงกับคนแคระหื่นกามอย่างอัลเบอริช อัลเบอริชได้ยินดังนั้นจึงปฏิเสธความรัก และตัดสินใจขโมยทองคำ |
|||
จอมเทพ[[โอดิน|โวทัน]] ({{lang|de|Wotan}}) กำลังบรรทมอยู่บนยอดเขาลูกหนึ่ง โดยมีปราสาทอันตระการตั้งอยู่เบื้องหลัง แล้วจอมเทพก็ถูกปลุกโดยจอมเทพีฟริกกา ({{lang|de|Fricka}}) ผู้เป็นมเหสี และเตือนถึงสัญญาที่โวทันทำไว้กับยักษ์สองตนชื่อฟาโซลท์กับฟาฟเนอร์ ({{lang|de|Fasolt & Fafner}}) โวทันจ้างให้ยักษ์สองตนสร้างปราสาทดังกล่าวให้ แลกกับการจะมอบสุริยเทพีไฟรอา (น้องสาวของฟริกกา) ให้แก่ยักษ์สองพี่น้อง ฟริกกาเป็นห่วงน้องสาวของตนเองจนนั่งไม่ติด แต่จอมเทพโวทันก็ยังคงสบายใจ เพราะเชื่อว่าอัคคีเทพผู้เจ้าเล่ห์อย่าง[[โลกี|โลเกอ]] ({{lang|de|Loge}}) จะสามารถคิดอุบายแก้สถานการณ์นี้ ต่อมา ฟาโซลท์กับฟาฟเนอร์ก็ไล่ตามสุริยเทพีไฟรอา และเกลี้ยกล่อมให้นางทำใจเสีย ยักษ์สองพี่น้องชี้ว่าจอมเทพทำพันธสัญญากับพวกตนโดยสลักไว้บนหอกของพระองค์ ดังนั้นหากจอมเทพผิดคำสัญญา พระองค์ก็จะสูญสิ้นอำนาจ ระหว่างนั้น อสุนีเทพโดนเนอร์ ({{lang|de|Donner}}) และวสันตเทพโฟร ({{lang|de|Froh}}) โผล่มาขัดขวางยักษ์สองพี่น้อง โวทันไม่ยอมให้โดนเนอร์และโฟรใช้กำลังทำลายพันธสัญญา และผัดผ่อนให้รออัคคีเทพโลเกอมาถึงเสียก่อน |
|||
เมื่ออัลเบอริชกลับไปยังนีเบิลไฮม์ นครใต้ภิภพ เขาใช้อำนาจของแหวนทำให้คนเคระห์ทั้งหมดรับใช้ตนเอง เขายังบังคับให้พี่ชายของตนใช้ทองคำสร้างหมวกทาร์นเฮล์ม (Tarnhelm) ซึ่งมีอำนาจวิเศษ อัลเบอริชปกครองเหล่าคนแคระอย่างโหดร้ายกดขี่ จอมเทพ[[โอดิน|โวทัน]]บังเอิญผ่านมาที่นีเบิลไฮม์และทราบเรื่อง พระองค์จึงวางแผนกับเทพ[[โลกี|โลเกอ]] อัลเบอริชอวดอ้างแหวนกับแขกแปลกหน้าผู้มาเยือน และบอกว่าจะครองโลกด้วยแหวนวงนี้ โลเกอถามว่าเวลาหลับจะป้องกันตัวอย่างไร? อัลเบอริชตอบว่าตนมีหมวกที่ทำให้ล่องหนหรือแปลงกาย โลเกอขอรับชมเป็นขวัญตา อัลเบอริชแปลงเป็นพญางู โลเกอแสร้งชื่นชมและถามว่าแปลงเป็นสัตว์ตัวเล็กมากได้ไหม? อัลเบอริชแปลงเป็นคางคก โวทันกับโลเกอจึงจับตัวอัลเบอริชมัดแขนขา และพาตัวขึ้นมาบนผืนดิน จอมเทพโวทันกับเทพโลเกอบังคับให้อัลเบอริชนำทองทั้งหมดมาแลกกับอิสรภาพ อัลเบอริชยินยอมทำตาม อัลเบอริชขัดขืนไม่ยอมส่งแหวนวิเศษ จอมเทพโวทันจึงตัดนิ้วอัลเบอริชและสวมไว้เอง อัลเบอริชจึงสาปแหวนว่าใครก็ตามที่สวมแหวนนี้ จะมีจุดจบโดนแย่งแหวนและถูกฆ่า |
|||
อัคคีเทพโลเกอมาถึงก็เกริ่นนำว่าสำหรับผู้ชาย ไม่มีสิ่งใดมีค่ากว่าความรัก ดังนั้นสำหรับยักษ์สองพี่น้อง จึงไม่น่ามีสิ่งใดที่จะมีค่าไปกว่าสุริยเทพีไฟรอา หากจะมีสิ่งใดที่มีค่ากว่าสุริยเทพี สิ่งนั้นต้องเป็นสิ่งที่มีค่ามากพอที่จะทำให้ผู้ชายคนหนึ่งยอมสละซึ่งความรัก แล้วโลเกอก็แย้มว่าเขารู้จักคนแคระผู้หนึ่งที่ยอมทิ้งความรักเพื่อสิ่งของบางอย่าง คนแคระที่ว่าก็คืออัลเบอริชผู้ทิ้งความรักเพื่อขโมยทองคำแห่งแม่น้ำไรน์ที่สามารถหลอมเป็นวัตถุวิเศษทรงอำนาจที่ทุกคนปรารถนา เมื่อยักษ์สองพี่น้องได้ฟังดังนั้น ก็ยินยอมจะขอรับทองคำเป็นค่าจ้างแทนที่สุริยเทพีไฟรอา ว่าแล้วยักษ์สองพี่น้องก็จากไปโดยพาตัวไฟรอาไปด้วยเพื่อเป็นหลักประกัน พร้อมบอกให้ทวยเทพนำทองคำของคนแคระในจำนวนที่สามารถปิดบังรัศมีของไฟรอา มาให้พวกเขาภายในวันนี้ ไม่เช่นนั้นไฟรอาจะต้องอยู่กับพวกเขาตลอดกาล |
|||
สุริยเทพีไฟรอา (Freia) น้องเมียของจอมเทพ ถูกยักษ์สองตนชื่อฟาโซลท์กับฟาฟเนอร์ลักพาตัวเรียกค่าไถ่เป็นทองคำมากพอจะปิดบังรัศมีนางจนมิด ทวยเทพระดมทองคำแต่ก็ยังหวิด เหลือแต่เพียงช่องว่างขนาดเท่าดวงตา ยักษ์ฟาฟเนอร์เห็นแหวนที่นิ้วของจอมเทพ จึงเรียกร้องจะเอาแหวน จอมเทพจึงยอมมอบแหวนให้ พวกยักษ์ปล่อยตัวประกันและเริ่มแบ่งสมบัติ แต่แบ่งไม่ลงตัว ฟาฟเนอร์จึงทุบฟาโซลท์จนตาย และใช้หมวกทาร์นเฮล์มแปลงกายเป็นมังกรและคุ้มครองสมบัติกับแหวนอยู่ในป่าลึก |
|||
ณ นีเบิลไฮม์ ({{lang|de|Nibelheim}}) นครใต้พิภพของเผ่านีเบอลุง อัลเบอริชใช้อำนาจของแหวนวิเศษทำให้คนเคระห์ทั้งหมดรับใช้ตนเอง เขายังบังคับให้น้องชายของตนเองชื่อว่ามีเมอ ({{lang|de|Mime}}) ใช้ทองคำสร้างหมวกทาร์นเฮล์ม ({{lang|de|Tarnhelm}}) ซึ่งมีอำนาจจำแลงกาย และแล้วในช่วงนี้เอง โวทันและโลเกอมาถึงนีเบิลไฮม์ในฐานะแขกแปลกหน้าผู้มาเยือน และได้พูดคุยกับมีเมอ มีเมอเล่าให้ทั้งสองฟังถึงการปกครองอันโหดร้ายของอัลเบอริช ภายหลัง อัลเบอริชกลับมาถึง ก็อวดอ้างกับแขกแปลกหน้าว่าจะครองโลกด้วยแหวนวงนี้ โลเกอถามว่าเวลาหลับจะป้องกันตัวอย่างไร? อัลเบอริชตอบว่าตนมีหมวกที่ทำให้ล่องหนหรือแปลงกายได้ โลเกอขอรับชมเป็นขวัญตา อัลเบอริชแปลงเป็นพญางู โลเกอแสร้งชื่นชมและถามว่าแปลงเป็นสัตว์ตัวเล็กมากได้ไหม? อัลเบอริชจึงแปลงเป็นคางคก ทันใดนั้น โวทันกับโลเกอจึงจับตัวอัลเบอริชมัดแขนขาและพาตัวขึ้นมาบนผืนดิน เทพทั้งสองบังคับให้อัลเบอริชยินยอมมอบทองคำทั้งหมดเพื่อแลกกับอิสรภาพ อัลเบอริชยินยอมมอบทองคำ แต่ขัดขืนไม่ยอมส่งแหวนวิเศษ จอมเทพโวทันจึงตัดนิ้วอัลเบอริชและนำแหวนมาสวมไว้เอง อัลเบอริชจึงสาปแหวนว่าใครก็ตามที่สวมแหวนนี้ จะต้องมีชีวิตอย่างหวาดระแวง และจะถูกแย่งแหวนและโดนฆ่าในที่สุด |
|||
===ภาคหนึ่ง: ''ธิดาวัลคือเรอ''=== |
|||
ทองคำที่ยึดมา ไม่สามารถปิดบังรัศมีของไฟรอาจนมิดชิด เหลือแต่เพียงช่องว่างขนาดเท่าดวงตา ยักษ์ฟาฟเนอร์เห็นแหวนที่นิ้วของจอมเทพ จึงเรียกร้องจะเอาแหวน จอมเทพจึงยอมมอบแหวนให้แก่ฟาฟเนอร์ พวกยักษ์ปล่อยตัวประกันและเริ่มแบ่งสมบัติ แต่แบ่งไม่ลงตัว ฟาฟเนอร์จึงทุบฟาโซลท์จนตาย และใช้หมวกทาร์นเฮล์มแปลงกายเป็นมังกรและคุ้มครองสมบัติกับแหวนอยู่ในป่าลึก |
|||
===ภาคสอง: ''ซีคฟรีท''=== |
|||
เวลาผ่านไปเนิ่นนาน อัศวินซีคฟรีท (Siegfried) เจ้าชายแห่งนครซันเทิน สามารถสังหารมังกรและได้ครอบครองสมบัตินีเบอลุง และได้ครองรักกับ[[วัลคือเรอ]]นามว่า[[บรึนฮิลเดอ]] (Brünhilde) บนภูเขาที่ล้อมรอบด้วยทะเลเพลิง วันหนึ่งซีคฟรีทต้องการออกไปผจญโลกภายนอก จึงร่ำลาภรรยาและสัญญาว่าจะรักนางเพียงผู้เดียว พร้อมสวมแหวนวิเศษให้นางเป็นของดูต่างหน้า |
|||
===ภาค |
===ปฐมภาค: ''ธิดาวัลคือเรอ''=== |
||
ชายแปลกหน้าหลบพายุเข้ามาในกระท่อมหลังหนึ่งใกล้ต้นไม้ยักษ์ในสภาพไร้อาวุธและบาดเจ็บเกินจะไปต่อ เขาพบกับซีคลินเดอ ({{lang|de|Sieglinde}}) นางแนะนำตัวว่าเป็นภริยาของชายที่ชื่อฮุนดิง ({{lang|de|Hunding}}) ทั้งสองเริ่มมีความสนใจต่อกัน แต่ก็ถูกขัดจังหวะโดยสามีของนางที่ชื่อฮุนดิง ฮุนดิงเห็นชายแปลกหน้าสวมใส่เสื้อคลุมขนหมาป่า จึงต้อนรับอย่างดิบดีโดยเรียกว่า "พ่อหนุ่มหมาป่า" |
|||
ณ นครกีบิชชุง เสนาบดีฮาเกิน (Hagen) น้องต่างแม่ของกษัตริย์กุนเทอร์ (Gunther) ต้องการครองแหวนวิเศษ จึงเป่าหูกษัตริย์ว่าบนปฐพีนี้ไม่มีผู้ใดคู่ควรกับแหวนวิเศษมากกว่าพระองค์และพระขนิษฐา (เจ้าหญิงครีมฮิลด์) ฮาเกินลวงซีคฟรีทเข้ามาในวังและวางยาเสน่ห์จนเขาลืมภรรยาและเมารักพระขนิษฐา ซีคฟรีทสาบานเป็นพี่น้องกับกษัตริย์กุนเทอร์ และสัญญาว่าจะเอาตัวนางฟ้าตกสวรรค์มาถวายเป็นชายา |
|||
ชายแปลกหน้าอธิบายว่าตนเองเคยเติบโตในป่า อยู่กับพ่อแม่และน้องสาวฝาแฝดอีกคน พ่อของเขามีนามว่า "วอล์ฟ" ({{lang|de|Wolf}}) เป็นคนที่มีศัตรูไปทั่ว วันหนึ่งเมื่อเขากลับถึงบ้าน ก็พบว่าบ้านถูกเผาวอด แม่ถูกฆ่า พ่อกับน้องสาวก็หายตัวไป ที่พบมีเพียงเสื้อคลุมขนหมาป่าของบิดาตกอยู่ในป่า ตัวเองเลยต้องระหกระเหินคนเดียวนับแต่นั้น ไม่กี่วันก่อนเขาเห็นหญิงสาวถูกฉุดลาก เลยเข้าไปช่วยหล่อนและฆ่าชายพวกนั้น แต่มารู้ทีหลังว่าผู้ตายคือพี่ชายและญาติที่ลากเธอไปแต่งงาน ครอบครัวนั้นเลยตามล่าเขา เขาต่อสู้จนได้รับบาดเจ็บ สูญเสียดาบ และหลบหนีมา ฮุนดิงเปิดเผยว่าตนเองคือหนึ่งในคนที่กำลังตามล่าชายแปลกหน้า ฮุนดิงบอกว่าคืนนี้บ้านหลังนี้จะต้อนรับพ่อหนุ่มหมาป่า แต่วันพรุ่งนี้ต้องสู้กันจนตายไปข้างหนึ่ง |
|||
ซีคฟรีทเดินทางกลับไปยังภูเขาอัคคีโดยใช้ของวิเศษปลอมตนให้มีใบหน้าเหมือนกษัตริย์กุนเทอร์ ฝ่าทะเลเพลิงขึ้นไปข่มเหงบรึนฮิลเดอ ถอดแหวนวิเศษที่เป็นเครื่องรางความรักมาสวมไว้เอง ก่อนที่จะนำตัวบรึนฮิลเดอกลับไปถวายกษัตริย์กุนเทอร์ เมื่อไปถึงพระราชวัง บรึนฮิลเดอพบกับซิคฟรีทที่กลายเป็นสามีของพระขนิษฐา เมื่อเห็นแหวนวิเศษบนนิ้วของซิคฟรีท นางประติดประต่อเรื่องราวได้ทั้งหมด นางแค้นที่ถูกทรยศจึงบอกมหาดเล็กฮาเกินว่ากลางหลังคือจุดอ่อนเดียวของซีคฟรีท |
|||
[[ไฟล์:Victor Angerer - Josef Hoffmann's (04-14) Hunding-Saal.jpg|300px|thumb|ซีคมุนด์ดึง[[กราเมอร์|ดาบโนทุง]]จากต้นไม้ยักษ์]] |
|||
ฮาเกินให้ซีคฟรีทดื่มน้ำถอนยาเสน่ห์ ซีคฟรีทคืนความทรงจำและตระหนักถึงความผิดพลาด เขาคร่ำครวญเสียใจและถูกฮาเกินฆ่าตาย จากนั้น ฮาเกินกับกษัตริย์กุนเทอร์ก็แย่งชิงแหวนวิเศษและเสียชีวิตทั้งคู่ บรึนฮิลเดอตัดสินใจว่าจะล้างคำสาปของแหวน นางจัดพิธีเผาศพให้ซีคฟรีทอย่างสมเกียรติ นางสวมแหวนและขี่ม้าเข้าไปในกองเพลิงเผาศพสามี และมอดไหม้จนถึงสรวงสรรค์ |
|||
เมื่ออยู่คนเดียว ชายแปลกหน้าตัดพ้อถึงบิดา บิดาของเขาเคยสัญญาว่าจะมอบดาบให้ในยามที่เขาต้องการที่สุด แล้วไหนล่ะดาบ? แล้วซีคลินเดอก็เข้ามาหาเขา เธอวางยานอนหลับสามีเพื่อจะได้พบชายแปลกหน้าเพียงลำพัง เธอระบายความอัดอั้นว่าเธอเองก็เป็นคนที่ถูกบังคับให้แต่งงานเหมือนกัน นางเล่าว่าในวันแต่งงานของนาง มีชายแก่น่ากลัวคนหนึ่งปักดาบไว้ที่ต้นไม้ยักษ์ แล้วประกาศว่ามีเพียงวีรบุรุษเท่านั้นที่จะดึงออก แต่ไม่เคยมีใครดึงออก ทั้งสองโอบกอดกัน แล้วซีคลินเดอก็เผยว่าตนเองคือน้องสาวที่พลัดพรากของชายแปลกหน้า นางเรียกเขาด้วยชื่อจริงว่าซีคมุนด์ ({{lang|de|Siegmund}}) นางเชื่อว่าซีคมุนด์คือวีรบุรุษที่จะมาปลดปล่อยเธอจากฮุนดิง ซีคมุนด์ดึงดาบอย่างง่ายดายและตั้งชื่อมันว่า "[[กราเมอร์|ดาบโนทุง]]" ({{lang|de|Nothung}}) ที่แปลว่าดาบปรารถนา แล้วทั้งสองก็บรรเลงรักกัน |
|||
บนสันเขาสูง จอมเทพผู้เป็นบิดาของซีคมุนด์ บัญชาให้ธิดา[[วัลคือเรอ]]นามว่า[[บรึนฮิลเดอ]] ({{lang|de|Brünhilde}}) ปกป้องซีคมุนด์ในการต่อสู้วันรุ่งขึ้น แต่แล้วเทพีฟริกกาก็ปรากฏตัว นางในฐานะเทพีแห่งครอบครัวต้องการให้ซีคมุนด์และซีคลินเดอได้รับโทษข้อหาคบชู้และสมสู่ร่วมสายโลหิต ทั้งสองยกเหตุผลมาโต้เถียงกัน แต่จอมเทพเถียงสู้ไม่ได้ จึงยอมตกลงว่าจะไม่ปกป้องซีคมุนด์ และจำใจสั่งบรึนฮิลเดอทำให้ฮุนดิงเป็นฝ่ายชนะ |
|||
หลังเปลวเพลิงล้างผลาญ แม่น้ำไรน์ก็ไหลบ่าขึ้นท่วมทุกสิ่ง ทองคำกลับสู่ที่ที่ควรจะอยู่ จอมเทพประทับอยู่ใน[[วัลฮัลลา]]ท่ามกลางเปลวเพลิง รอคอยการสิ้นสุดแห่งยุคสมัย และยุคใหม่ของมนุษยชาติ |
|||
บรึนฮิลเดอแจ้งซีคมุนด์เกี่ยวกับความตายที่กำลังมาเยือน แต่นางพาซีคลินเดอไป[[วัลฮัลลา]]ด้วยไม่ได้ ซีคมุนด์ไม่ยอมเป็นฝ่ายตาย เขาเชื่อว่าดาบโนทุงจะนำมาซึ่งชัยชนะ แต่บรึนฮิลเดอแจ้งว่าดาบโนทุงไม่มีพลัง ซีคมุนด์จึงขู่ว่าจะฆ่าซีคลินเดอและฆ่าตัวตายตาม บรึนฮิลเดอสงสารจึงขัดคำสั่งจอมเทพ ในการประลอง ซีคมุนด์ได้เปรียบเหนือฮุนดิงด้วยอำนาจของบรึนฮิลเดอ แต่แล้วจอมเทพก็ปรากฏตัวและใช้หอกทำลายดาบของซีคมุนด์จนแตกละเอียด ฮุนดิงแทงซีคมุนด์ถึงแก่ความตาย บรึนฮิลเดอเก็บเศษซากของดาบโนทุงและขี่ม้าหนีไปพร้อมกับซีคลินเดอ จากนั้นจอมเทพก็ฆ่าฮุนดิงและไล่ตามบรึนฮิลเดอ |
|||
บรรดาวัลคือเรอรวมตัวบนยอดเขาแห่งหนึ่ง แต่ละนางกำลังอุ้มร่างไร้ลมหายใจของบรรดาวีรชนที่ตายในการรบ บรึนฮิลเดอมาถึงพร้อมกับซีคลินเดอและร้องขอความช่วยเหลือจากเหล่าพี่น้อง แต่ไม่มีใครกล้าขัดคำสั่งจอมเทพ ซีคลินเดอกล่าวว่าถ้าไม่มีซีคมุนด์ นางก็ไม่อยากมีชีวิตต่อ บรึนฮิลเดอแจ้งว่าซีคลินเดอตั้งท้องกับซีคมุนด์ ขอให้นางมีชีวิตต่อเพื่อเห็นแก่เด็ก และขอให้ตั้งชื่อเด็กว่าซีคฟรีท ({{lang|de|Siegfried}}) บรึนฮิลเดอมอบเศษซากดาบโนทุงให้แก่นาง เมื่อซีคลินเดอจากไป จอมเทพก็เดินทางมาถึงพร้อมความพิโรธ ทรงริบฤทธิ์เดชของบรึนฮิลเดอเป็นเพียงหญิงมนุษย์ นางจะต้องหลับไหลอยู่บนภูเขาจนกว่าจะมีบุรุษมาพบนาง แล้วจอมเทพก็บันดาลให้นางหลับไหลอยู่บนหินก้อนหนึ่ง และรับสั่งให้อัคคีเทพโลเกอเสกเปลวไฟนิรันดร์คลุมรอบภูเขาเอาไว้ |
|||
===มัชฌิมภาค : ''ซีคฟรีท''=== |
|||
ในป่าลึกภายในหุบเขา ซีคฟรีทกลับจากการเที่ยวเล่นในป่าพร้อมกับดาบที่ทำพังอีกแล้ว ซีคฟรีทตำหนิคนแคระนามว่ามีเมอ ว่าไม่มีปัญญาทำดาบดีๆ ทั้งสองมีปากเสียง มีเมอตัดพ้อว่าเลี้ยงดูซีคฟรีทมาตั้งแต่เกิด ซีคฟรีทไม่เชื่อว่ามีเมอคือพ่อที่แท้จริงของตน เพราะพละกำลังต่างกันลิบลับ จึงเค้นเอาความจริง มีเมอสารภาพว่าเขาพบกับหญิงนามว่าซีคลินเดอในป่า นางคลอดลูกและเสียชีวิต มีเมอจึงเก็บซีคฟรีทมาเลี้ยง มีเมอเอาเศษซากดาบโนทุงมาแสดง ซึ่งเป็นดาบของบิดาที่แท้จริง ซีทฟรีดสั่งให้มีเมอตีดาบโนทุงขึ้นมาใหม่จากเศษซากเดิม แล้วก็โกรธหัวเหวี่ยงออกจากบ้าน มีเมอรู้สึกอับจนหนทาง เขาเก็บบุตรมนุษย์มาเลี้ยงเพื่อหวังให้จัดการมังกร แล้วตนเองจะได้ครอบครองแหวน แต่ตอนนี้ ตนเองกลับไม่มีปัญญาสร้างดาบที่จะใช้ฆ่ามังกร |
|||
ชายแก่คนหนึ่งปรากฏตัวที่หน้าบ้านและแนะนำตัวว่าเขาเป็นนักพเนจร ขอมาแวะพักสักครู่ เพื่อเป็นการตอบแทน ชายแก่จะตอบคำถามสามข้อ มีเมอจึงถามว่า ชื่อของเผ่าที่จอมเทพรักใคร่ที่สุดแต่ถูกปฏิบัติอย่างโหดร้ายที่สุด, ชื่อของดาบที่สามารถสังหารมังกรฟาฟเนอร์ และชื่อของผู้ที่สามารถตีดาบนั้น ชายแก่ตอบตามลำดับว่า "เผ่าเวิลซุง" (เผ่าของมารดาของซีคมุนด์กับซีคลินเดอ), "ดาบโนทุง" และ "ผู้ไม่รู้จักกลัว" แล้วชายแก่ก็จากไป มีเมอไม่มีปัญหากับสองคำตอบแรก แต่คำตอบสุดท้ายทำเอาเขาหัวเสียทีเดียว |
|||
ซีคฟรีทกลับมาที่บ้าน แล้วถามหาดาบที่สั่งไว้ มีเมอบอกว่าตนหมดปัญญาแล้ว แล้วมีเมอก็นึกได้ว่า "ผู้ไม่รู้จักกลัว" คงหมายถึงซีคฟรีท สิ่งเดียวที่ซีคฟรีทกลัวคือตนเอง นักพเนจรคงทำนายไว้ว่าในอนาคต มีเมอจะถูกซีคฟรีทฆ่า เมื่อมีเมอคิดได้ดังนั้นจึงบอกซีคฟรีทว่า ทักษะที่สำคัญอย่างหนึ่งคือความกลัว ชายหนุ่มมีท่าทางสนใจมาก(เพราะไม่รู้ว่าความกลัวหมายถึงอะไร) มีเมอจึงบอกว่างั้นจะพาไปหามังกรฟาฟเนอร์เพื่อสอนให้รู้จักความกลัว ชายหนุ่มจึงลงมือตีดาบโนทุงด้วยตนเอง ในเวลาเดียวกัน มีเมอก็แอบปรุงยาพิษเพื่อใช้กับซีคฟรีทหลังฆ่ามังกร และแล้วชายหนุ่มก็ตีดาบโนทุงสำเร็จ |
|||
ในคืนเดียวกัน นักพเนจรปรากฏตัวต่อหน้าอัลเบอริช พี่ชายของมีเมอ ซึ่งเฝ้ารออยู่หน้าปากถ้ำมังกรมาตลอดเพื่อรอให้ใครสักคนมาจัดการมังกร แล้วตนเองจะได้ครอบครองแหวนอีกครั้ง อัลเบอริชเห็นนักพเนจรก็รู้ว่านั่นคือจอมเทพ จอมเทพบอกว่าตนไม่ได้จะมาแทรกแซง แค่มาสังเกตการณ์ พร้อมบอกอัลเบอริชให้ระวังมีเมอเอาไว้ จอมเทพปลุกฟาฟเนอร์และเตือนว่ากำลังจะมีวีรบุรุษหนุ่มมาฆ่าเขา อัลเบอริชบอกให้ฟาฟเนอร์ทิ้งแหวนเสีย ไม่งั้นจะโดนฆ่า ฟาฟเนอร์ไม่สนใจและหลับต่อ อัลเบอริชและนักพเนจรเดินทางจากไป |
|||
วันต่อมา เมื่อซีคฟรีทไปถึงปากถ้ำก็ได้ยินเสียงนกร้องเป็นทำนองไพเราะ จึงเป่าขลุ่ยเลียนเสียงแต่ไม่เหมือน จึงลองด้วยแตรเขาสัตว์ก็ยังไม่เหมือนอีก ฟาฟเนอร์ตื่นและออกมาจากถ้ำ หลังพูดคุยกันสักพัก ทั้งสองก็ต่อสู้กัน ซีคฟรีทสามารถแทงดาบโนทุงที่กลางใจของฟาฟเนอร์ เลือดของมังกรเปื้อนตัวเขายกเว้นด้านหลัง มังกรเตือนชายหนุ่มเกี่ยวกับคำสาปแห่งแหวนแล้วก็สิ้นใจ ซีคฟรีทเลียนิ้วที่เปื้อนเลือดมังกรแล้วพลันเขาก็เข้าใจภาษานก เลือดมังกรทำให้เขาอ่านใจมีเมอได้ด้วย เมื่อเห็นว่ามีเมอเอายาพิษมาให้ดื่ม ซีคฟรีทจึงสังหารมีเมอด้วยความรังเกียจ ด้วยเหตุฉะนี้ ซีคฟรีทจึงได้ครอบครองหมวกทาร์นเฮล์มและแหวนวิเศษ ซีคฟรีทอยู่โดดเดี่ยวกลางธรรมชาติ ฝูงนกเล่าให้ซีคฟรีทฟังว่ามีชาวสวรรค์หลับไหลอยู่บนภูเขากลางทะเลเพลิง ชายหนุ่มสงสัยว่าชาวสวรรค์จะทำให้เขารู้จักความกลัวได้ไหม จึงตามฝูงนกไปยังภูเขา |
|||
[[ไฟล์:Siegfried awakens Brunhild.jpg|300px|thumb|ซีคฟรีทปลุกบรึนฮิลเดอ]] |
|||
ซีคฟรีทมาถึงตีนเขาก็พบกับนักพเนจร นักพเนจรถามคำถามชายหนุ่ม ชายหนุ่มไม่รู้ว่าอีกฝ่ายคือจอมเทพ คิดว่าเป็นชายแก่ธรรมดาจึงตอบกลับอย่างโอหัง นักพเนจรขวางซีคฟรีทจึงเกิดการต่อสู้กัน ซีคฟรีทใช้ดาบโนทุงทำลายหอกของนักพเนจร(เล่มเดียวกับที่เคยทำลายดาบโนทุง)จนแตกเป็นเสี่ยงๆ นักพเนจรเห็นดังนั้นก็เข้าใจว่ายุคแห่งการปกครองโดยทวยเทพสิ้นสุดแล้ว จึงเก็บเศษซากหอกและจากไปโดยสงบ ซีคฟรีทมาถึงยอดเขาและพบคนในชุดเกราะนอนหลับไหลอยู่ ชายหนุ่มไม่เคยเห็นสตรีมาก่อนจึงเข้าใจว่าคนในชุดเกราะเป็นผู้ชาย เมื่อเขาถอดชุดเกราะของอีกฝ่ายออก ความงดงามของบรึนฮิลเดอก็ทำให้เขาตกตะลึง ชายหนุ่มคิดว่าอีกฝ่ายเป็นผู้ชายที่งดงามอะไรเช่นนี้ ชายหนุ่มจุมพิตอีกฝ่ายเพื่อปลุกจากนิทรา ในตอนแรกนางปฏิเสธรักจากซีคฟรีท เพราะความรักกับมนุษย์จะทำให้ความเป็นอมตะของเธอสิ้นสุดลง แต่สุดท้าย เธอก็ยอมรับรักจากซีคฟรีท และครองรักกันอย่างมีความสุข |
|||
===ปัจฉิมภาค: ''เทวาอัสดง''=== |
|||
ซีคฟรีทได้ครองรักกับบรึนฮิลเดออย่างมีความสุข วันหนึ่งซีคฟรีทต้องการออกไปผจญโลกภายนอก จึงร่ำลาภรรยาและสัญญาว่าจะรักนางเพียงผู้เดียว พร้อมสวมแหวนวิเศษให้นางเป็นของดูต่างหน้า แล้วจึงออกเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ |
|||
ริมแม่น้ำไรน์มีนครแห่งหนึ่งนามว่ากีบิชชุง ซึ่งถูกปกครองโดยกษัตริย์กุนเทอร์ ({{lang|de|Gunther}}) พระองค์มีขนิษฐาร่วมบิดามารดานามว่ากูทรูเนอ ({{lang|de|Gutrune}}) และมีน้องชายต่างบิดานามว่าฮาเกิน ({{lang|de|Hagen}}) ซึ่งพ่อของฮาเกินก็คืออัลเบอริช โดยที่กษัตริย์กุนเทอร์และขนิษฐากูทรูเนอยังโสดทั้งคู่ ฮาเกินต้องการครองแหวนวิเศษซึ่งเคยเป็นของบิดาตน จึงถวายคำแนะนำองค์กษัตริย์และพระขนิษฐาว่าสมควรที่จะทั้งสองจะหาคู่อภิเษกสมรสได้แล้ว และบนปฐพีนี้ก็ไม่มีผู้ใดคู่ควรกับองค์กษัตริย์และพระขนิษฐามากยิ่งกว่านางฟ้าตกสวรรค์นามว่าวัลคือเรอ กับยอดวีรบุรุษนามว่าซีคฟรีท ตามลำดับ |
|||
กษัตริย์กุนเทอร์ไม่ทราบว่าซีคฟรีทกับบรึนฮิลเดอร์เป็นคู่รักกัน จึงเห็นด้วยกับแผนการของเสนาบดีฮาเกิน ฮาเกินจึงลวงซีคฟรีทเข้ามาในวังและวางยาเสน่ห์จนเขาลืมภรรยาและเมารักพระขนิษฐา ซีคฟรีทสาบานเป็นพี่น้องกับกษัตริย์กุนเทอร์ และสัญญาว่าจะเอาตัวนางฟ้าตกสวรรค์มาถวายเป็นชายา |
|||
ซีคฟรีทเดินทางกลับไปยังภูเขาอัคคีโดยใช้ของวิเศษแปลงกายให้มีใบหน้าเหมือนกษัตริย์กุนเทอร์ ฝ่าทะเลเพลิงขึ้นไปข่มเหงบรึนฮิลเดอ ถอดแหวนวิเศษที่เป็นเครื่องรางความรักมาสวมไว้เอง ก่อนที่จะนำตัวบรึนฮิลเดอกลับไปถวายกษัตริย์กุนเทอร์ เมื่อถึงราชวัง บรึนฮิลเดอพบกับซีคฟรีทที่กลายเป็นสามีของพระขนิษฐา เมื่อนางเห็นแหวนวิเศษบนนิ้วของซีคฟรีท นางจึงประติดประต่อเรื่องราวทั้งหมดและแค้นที่ถูกทรยศ นางจึงบอกฮาเกินว่ากลางแผ่นหลังคือจุดอ่อนเดียวของซีคฟรีท |
|||
ฮาเกินให้ซีคฟรีทดื่มน้ำถอนยาเสน่ห์ ซีคฟรีทคืนความทรงจำและตระหนักถึงความผิดพลาด เขาคร่ำครวญเสียใจและถูกฮาเกินฆ่าตาย จากนั้น ฮาเกินกับกษัตริย์กุนเทอร์ก็แย่งชิงแหวนวิเศษจนตายทั้งคู่ บรึนฮิลเดอตัดสินใจว่าจะล้างคำสาปของแหวน นางจัดพิธีเผาศพให้ซีคฟรีทอย่างสมเกียรติ นางสวมแหวนและขี่ม้าเข้าไปในกองเพลิงเผาศพสามี และมอดไหม้สูงถึงสรวงสรรค์ จอมเทพประทับอยู่ใน[[วัลฮัลลา]]ท่ามกลางเปลวเพลิง รอคอยการสิ้นสุดแห่งยุคเทพ และกำเนิดยุคของมนุษย์ หลังเปลวเพลิงล้างผลาญ แม่น้ำไรน์ก็ไหลบ่าขึ้นท่วมทุกสิ่ง ทองคำกลับสู่ที่ที่ควรจะอยู่ |
|||
==อิทธิพล== |
==อิทธิพล== |
||
''แหวนของนีเบอลุง'' เป็นแรงบันดาลใจและมีอิทธิพลอย่างมหาศาลต่อ[[เจ. อาร์. อาร์. โทลคีน]] ในการแต่ง[[ปกรณัมชุดมิดเดิลเอิร์ธ]] |
|||
ดนตรีจากช่วงโหมโรง และฉากที่ 1 ("Hojotoho! Heiaha") องก์ที่ 3 ของภาค''Die Walküre'' มีท่วงทำนองที่ได้รับความนิยม มีชื่อเรียกว่า "วัลคือเรินรีท" ({{lang|de|Walkürenritt}}) หรือ "รีทแดร์วัลคือเริน" ({{lang|de|Ritt der Walküren}}) ออกบรรเลงครั้งแรกเมื่อ ค.ศ. 1870 ที่[[มิวนิก]] เป็นตอนที่บรรดาวัลคือเรอพี่สาวของบรึนฮิลเดอจำนวนสี่นางบินรวมกลุ่มกัน ดนตรีท่อนนี้เป็นที่นิยมนำมาบรรเลงซ้ำใน[[วัฒนธรรมสมัยนิยม]] เช่น นำไปบรรเลงประกอบภาพยนตร์ ''[[เดอะ เบิร์ธ ออฟ อะ เนชั่น]]'' ในค.ศ. 1915<ref>http://american_almanac.tripod.com/griffith.htm</ref> และฉาก[[เฮลิคอปเตอร์]]ของกองทัพสหรัฐโจมตีหมู่บ้าน[[เวียดกง]]ในภาพยนตร์ ''[[อะโพคาลิปส์นาว]]'' ใน [[ค.ศ. 1979]]<ref>http://www.guardian.co.uk/music/tomserviceblog/2009/mar/10/watchmen-valkyrie-apocalypse</ref> |
ดนตรีจากช่วงโหมโรง และฉากที่ 1 ("Hojotoho! Heiaha") องก์ที่ 3 ของภาค''Die Walküre'' มีท่วงทำนองที่ได้รับความนิยม มีชื่อเรียกว่า "วัลคือเรินรีท" ({{lang|de|Walkürenritt}}) หรือ "รีทแดร์วัลคือเริน" ({{lang|de|Ritt der Walküren}}) ออกบรรเลงครั้งแรกเมื่อ ค.ศ. 1870 ที่[[มิวนิก]] เป็นตอนที่บรรดาวัลคือเรอพี่สาวของบรึนฮิลเดอจำนวนสี่นางบินรวมกลุ่มกัน ดนตรีท่อนนี้เป็นที่นิยมนำมาบรรเลงซ้ำใน[[วัฒนธรรมสมัยนิยม]] เช่น นำไปบรรเลงประกอบภาพยนตร์ ''[[เดอะ เบิร์ธ ออฟ อะ เนชั่น]]'' ในค.ศ. 1915<ref>http://american_almanac.tripod.com/griffith.htm</ref> และฉาก[[เฮลิคอปเตอร์]]ของกองทัพสหรัฐโจมตีหมู่บ้าน[[เวียดกง]]ในภาพยนตร์ ''[[อะโพคาลิปส์นาว]]'' ใน [[ค.ศ. 1979]]<ref>http://www.guardian.co.uk/music/tomserviceblog/2009/mar/10/watchmen-valkyrie-apocalypse</ref> |
||
== อ้างอิง == |
== อ้างอิง == |
||
{{รายการอ้างอิง}} |
{{รายการอ้างอิง}} |
||
==ข้อมูล== |
|||
* {{cite book|last1=Burbidge|first1=Peter|first2=Richard|last2=Sutton|title=The Wagner Companion|location=London|year=1979|isbn=0571114504}} |
|||
* {{cite book|last=Cooke|first=Deryck|author-link=Deryck Cooke|url=https://books.google.com/books?id=0Rr5xTZQykgC|title=I Saw the World End: A Study of Wagner's Ring|location=New York|publisher=Oxford University Press|year=2000|isbn=0193153181}} |
|||
* {{cite book|last=Fifield|first=Christopher|author-link=Christopher Fifield|title=[[Ibbs and Tillett]]: The Rise and Fall of a Musical Empire|location=London|publisher=Ashgate|year=2005|isbn=978-1840142907}} |
|||
* {{cite book|last=Magee|first=Bryan|author-link=Bryan Magee|year=2001|title=The [[Tristan chord]]: Wagner and Philosophy|publisher=Metropolitan Books|isbn=0805067884}} |
|||
* {{cite book|last=Mendelssohn|first=Fanny|author-link=Fanny Mendelssohn|editor=Marcia Citron|editor-link=Marcia Citron|year=1987|title=Letters of Fanny Hensel to Felix Mendelssohn|publisher=Pendragon Press|isbn=978-0-918728-52-4}} |
|||
* {{cite book|last=Millington|first=Barry|year=2008|chapter=Der Ring des Nibelungen: conception and interpretation|editor-last=Grey|editor-first=Thomas S.|series=[[Cambridge Companions to Music]]|title=The Cambridge Companion to Wagner|pages=74–84|publisher=Cambridge University Press|isbn=978-0521644396}} |
|||
* {{cite book|last=Shaw|first=George Bernard|author-link=George Bernard Shaw|year=1898|title=The Perfect Wagnerite|url=http://www.gutenberg.org/files/1487/1487-h/1487-h.htm#2H_4_0011|via=Project Gutenberg|access-date=2017-04-29}} |
|||
* {{cite book|last=Wagner|first=Richard|translator=William Ashton Ellis|year=1994|title=The Art Work of the Future, and other works|location=Lincoln and London|isbn=978-0803297524|type="A Communication to My Friends" is on pp. 269–392.}} |
|||
==อ่านเพิ่ม== |
|||
* Besack, Michael, ''The Esoteric Wagner – an introduction to Der Ring des Nibelungen'', Berkeley: Regent Press, 2004 {{ISBN|9781587900747}}. |
|||
* Di Gaetani, John Louis, ''Penetrating Wagner's Ring: An Anthology''. New York: Da Capo Press, 1978. {{ISBN|9780306804373}}. |
|||
* Gregor-Dellin, Martin, (1983) ''Richard Wagner: His Life, His Work, His Century.'' Harcourt, {{ISBN|0151771510}}. |
|||
* Holman, J. K. ''Wagner's Ring: A Listener's Companion and Concordance''. Portland, Oregon: Amadeus Press, 2001. |
|||
* [[M. Owen Lee|Lee, M. Owen]], (1994) ''Wagner's Ring: Turning the Sky Round.'' Amadeus Press, {{ISBN|9780879101862}}. |
|||
* [[Bryan Magee|Magee, Bryan]], (1988) ''Aspects of Wagner.'' Oxford University Press, {{ISBN|0192840126}}. |
|||
* May, Thomas, (2004) ''Decoding Wagner.'' Amadeus Press, {{ISBN|9781574670974}}. |
|||
* Millington, Barry (editor) (2001) ''The Wagner Compendium.'' Thames & Hudson, {{ISBN|0500282749}}. |
|||
* Sabor, Rudolph, (1997) ''Richard Wagner: Der Ring des Nibelungen: a companion volume''. Phaidon Press, {{ISBN|0714836508}}. |
|||
* [[Roger Scruton|Scruton, Sir Roger]], (2016) ''[https://books.google.com/books/about/The_Ring_of_Truth.html?id=u7igCwAAQBAJ&source=kp_book_description The Ring of Truth: The Wisdom of Wagner's Ring of the Nibelung]''. Penguin UK, {{ISBN|1468315498}}. |
|||
* Spotts, Frederick, (1999) ''[https://books.google.com/books?id=mWqXGqaCOEQC&printsec=frontcover&source=gbs_navlinks_s#v=onepage&q=&f=false Bayreuth: A History of the Wagner Festival]''. Yale University Press {{ISBN|0712652779}}. |
|||
== แหล่งข้อมูลอื่น == |
== แหล่งข้อมูลอื่น == |
||
บรรทัด 46: | บรรทัด 153: | ||
*{{Cite web|url=http://www.dlib.indiana.edu/variations/scores/bhr5451/large/index.html|title=''Das Rheingold'' – Entire vocal score online|publisher=Indiana University School of Music|work=William and Gayle Cook Music Library}} |
*{{Cite web|url=http://www.dlib.indiana.edu/variations/scores/bhr5451/large/index.html|title=''Das Rheingold'' – Entire vocal score online|publisher=Indiana University School of Music|work=William and Gayle Cook Music Library}} |
||
*[http://users.utu.fi/hansalmi/wagner/rhein.html ''Ring'' synopsis] |
*[http://users.utu.fi/hansalmi/wagner/rhein.html ''Ring'' synopsis] |
||
*{{ |
* {{cite news|url=https://artsbeat.blogs.nytimes.com/2007/07/21/the-kirov-ring-lets-hear-it-for-the-home-team/|title=The 'Kirov' ''Ring'': Let's Hear It for the Home Team|work=[[The New York Times]]|author=Anthony Tommasini|author-link=Anthony Tommasini|date=21 July 2007|access-date=10 July 2020|ref=none}} |
||
*{{ |
* {{cite web|url=http://www.wnyc.org/music/articles/27256|title=Radio Lab – ''The Ring'' and I|publisher=[[WNYC]] – A podcast about The Ring|year=2004}} |
||
[[หมวดหมู่:อุปรากรโดยริชชาร์ท วากเนอร์]] |
[[หมวดหมู่:อุปรากรโดยริชชาร์ท วากเนอร์]] |
รุ่นแก้ไขปัจจุบันเมื่อ 22:13, 29 สิงหาคม 2566
แดร์ริงเด็สนีเบอลุงเงิน (เยอรมัน: Der Ring des Nibelungen) หรือ แหวนของนีเบอลุง เป็นปกรณัมชุดของริชชาร์ท วากเนอร์ คีตกวีชาวเยอรมันซึ่งใช้เวลาประพันธ์ยาวนาถึง 26 ปี ตั้งแต่ ค.ศ. 1848 จนถึง 1874 โดยมีเค้าโครงเรื่องมาจากเทวตำนานนอร์สและมหากาพย์ นีเบอลุงเงินลีท
วากเนอร์แต่งอุปรากรเรื่องนี้ขึ้นมาด้วยความมั่นหมายให้เป็น "สมบูรณศิลปกรรม" (Gesamtkunstwerk) หมายถึงเป็นศิลปกรรมที่มีความสมบูรณ์แบบเบ็ดเสร็จทุกด้าน ความมุ่งหมายของเขาประสบผลสำเร็จอย่างงดงาม แหวนของนีเบอลุง ไม่เพียงเป็นอุปรากรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเยอรมัน แต่ยังเป็นอุปรากรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลกจนได้รับยกย่องเป็น "มหาอุปรากร" (Großoper)
อุปรากรเรื่องนี้ต้องใช้เวลาแสดงกว่าสิบห้าชั่วโมง ประกอบด้วยสี่ภาค ผู้แต่งระบุว่าเป็นบุพภาคและไตรภาค อันได้แก่:
- Das Rheingold (ขุมทองแม่น้ำไรน์)
- Die Walküre (ธิดาวัลคือเรอ)
- Siegfried (ซีคฟรีท)
- Götterdämmerung (เทวาอัสดง)
แหวนของนีเบอลุง มีเรื่องราวเกี่ยวกับคนแคระเผ่านีเบอลุงกับแหวนวิเศษ, การเนรเทศวัลคือเรอนามว่าบรึนฮิลเดอ,โศกนาฏกรรมของซีคฟรีทกับบรึนฮิลเดอ
ตัวละคร[แก้]
ทวยเทพ | มนุษย์ | วัลคือเรอ/ วัลคีรี่ | อื่นๆ |
---|---|---|---|
|
เผ่าเวิลซุง
ตระกูลไนดิง
นครกีบิชชุง
|
|
นางอัปสรแม่น้ำไรน์
คนแคระนีเบอลุง |
เนื้อเรื่อง[แก้]
บุพภาค: ขุมทองแม่น้ำไรน์[แก้]
ณ แม่น้ำไรน์ ธิดาอัปสรนามว่าโวคลินเดอ (Woglinde), เว็ลกุนเดอ (Wellgunde) และฟลอสฮิลเดอ (Flosshilde) กำลังระบำร่ายรำอย่างสนุกสนาน คนแคระเผ่านีเบอลุงนามว่าอัลเบอริช (Alberich) ปรากฏตัวและพยายามเกี้ยวพาราสีพวกหล่อน พวกธิดาอัปสรดูถูกรูปร่างหน้าตาของอัลเบอริช อัลเบอริชโกรธจึงวิ่งไล่ตาม ท้ายที่สุดพวกธิดาอัปสรก็หายตัวไป อัลเบอริชหยุดพักด้วยความเหนื่อยล้า เมื่อตกกลางคืน เขาสังเกตเห็นแสงอร่าม เมื่อเดินไปสำรวจก็พบทองคำและกลุ่มธิดาอัปสร อัลเบอริชจึงสอบถาม พวกธิดาอัปสรอธิบายว่านี่เป็นทองคำที่เสด็จพ่อให้พวกหล่อนเฝ้ายาม เพราะมันสามารถนำไปหลอมทำเครื่องประดับที่มีอำนาจครองพิภพ แต่ผู้ที่จะหลอมสำเร็จต้องเป็นคนที่ละทิ้งความรัก พวกธิดาอัปสรบอกว่าไม่มีอะไรต้องกลัวต่อให้บอกความจริงกับคนแคระหื่นกามอย่างอัลเบอริช อัลเบอริชได้ยินดังนั้นจึงปฏิเสธความรัก และตัดสินใจขโมยทองคำ
จอมเทพโวทัน (Wotan) กำลังบรรทมอยู่บนยอดเขาลูกหนึ่ง โดยมีปราสาทอันตระการตั้งอยู่เบื้องหลัง แล้วจอมเทพก็ถูกปลุกโดยจอมเทพีฟริกกา (Fricka) ผู้เป็นมเหสี และเตือนถึงสัญญาที่โวทันทำไว้กับยักษ์สองตนชื่อฟาโซลท์กับฟาฟเนอร์ (Fasolt & Fafner) โวทันจ้างให้ยักษ์สองตนสร้างปราสาทดังกล่าวให้ แลกกับการจะมอบสุริยเทพีไฟรอา (น้องสาวของฟริกกา) ให้แก่ยักษ์สองพี่น้อง ฟริกกาเป็นห่วงน้องสาวของตนเองจนนั่งไม่ติด แต่จอมเทพโวทันก็ยังคงสบายใจ เพราะเชื่อว่าอัคคีเทพผู้เจ้าเล่ห์อย่างโลเกอ (Loge) จะสามารถคิดอุบายแก้สถานการณ์นี้ ต่อมา ฟาโซลท์กับฟาฟเนอร์ก็ไล่ตามสุริยเทพีไฟรอา และเกลี้ยกล่อมให้นางทำใจเสีย ยักษ์สองพี่น้องชี้ว่าจอมเทพทำพันธสัญญากับพวกตนโดยสลักไว้บนหอกของพระองค์ ดังนั้นหากจอมเทพผิดคำสัญญา พระองค์ก็จะสูญสิ้นอำนาจ ระหว่างนั้น อสุนีเทพโดนเนอร์ (Donner) และวสันตเทพโฟร (Froh) โผล่มาขัดขวางยักษ์สองพี่น้อง โวทันไม่ยอมให้โดนเนอร์และโฟรใช้กำลังทำลายพันธสัญญา และผัดผ่อนให้รออัคคีเทพโลเกอมาถึงเสียก่อน
อัคคีเทพโลเกอมาถึงก็เกริ่นนำว่าสำหรับผู้ชาย ไม่มีสิ่งใดมีค่ากว่าความรัก ดังนั้นสำหรับยักษ์สองพี่น้อง จึงไม่น่ามีสิ่งใดที่จะมีค่าไปกว่าสุริยเทพีไฟรอา หากจะมีสิ่งใดที่มีค่ากว่าสุริยเทพี สิ่งนั้นต้องเป็นสิ่งที่มีค่ามากพอที่จะทำให้ผู้ชายคนหนึ่งยอมสละซึ่งความรัก แล้วโลเกอก็แย้มว่าเขารู้จักคนแคระผู้หนึ่งที่ยอมทิ้งความรักเพื่อสิ่งของบางอย่าง คนแคระที่ว่าก็คืออัลเบอริชผู้ทิ้งความรักเพื่อขโมยทองคำแห่งแม่น้ำไรน์ที่สามารถหลอมเป็นวัตถุวิเศษทรงอำนาจที่ทุกคนปรารถนา เมื่อยักษ์สองพี่น้องได้ฟังดังนั้น ก็ยินยอมจะขอรับทองคำเป็นค่าจ้างแทนที่สุริยเทพีไฟรอา ว่าแล้วยักษ์สองพี่น้องก็จากไปโดยพาตัวไฟรอาไปด้วยเพื่อเป็นหลักประกัน พร้อมบอกให้ทวยเทพนำทองคำของคนแคระในจำนวนที่สามารถปิดบังรัศมีของไฟรอา มาให้พวกเขาภายในวันนี้ ไม่เช่นนั้นไฟรอาจะต้องอยู่กับพวกเขาตลอดกาล
ณ นีเบิลไฮม์ (Nibelheim) นครใต้พิภพของเผ่านีเบอลุง อัลเบอริชใช้อำนาจของแหวนวิเศษทำให้คนเคระห์ทั้งหมดรับใช้ตนเอง เขายังบังคับให้น้องชายของตนเองชื่อว่ามีเมอ (Mime) ใช้ทองคำสร้างหมวกทาร์นเฮล์ม (Tarnhelm) ซึ่งมีอำนาจจำแลงกาย และแล้วในช่วงนี้เอง โวทันและโลเกอมาถึงนีเบิลไฮม์ในฐานะแขกแปลกหน้าผู้มาเยือน และได้พูดคุยกับมีเมอ มีเมอเล่าให้ทั้งสองฟังถึงการปกครองอันโหดร้ายของอัลเบอริช ภายหลัง อัลเบอริชกลับมาถึง ก็อวดอ้างกับแขกแปลกหน้าว่าจะครองโลกด้วยแหวนวงนี้ โลเกอถามว่าเวลาหลับจะป้องกันตัวอย่างไร? อัลเบอริชตอบว่าตนมีหมวกที่ทำให้ล่องหนหรือแปลงกายได้ โลเกอขอรับชมเป็นขวัญตา อัลเบอริชแปลงเป็นพญางู โลเกอแสร้งชื่นชมและถามว่าแปลงเป็นสัตว์ตัวเล็กมากได้ไหม? อัลเบอริชจึงแปลงเป็นคางคก ทันใดนั้น โวทันกับโลเกอจึงจับตัวอัลเบอริชมัดแขนขาและพาตัวขึ้นมาบนผืนดิน เทพทั้งสองบังคับให้อัลเบอริชยินยอมมอบทองคำทั้งหมดเพื่อแลกกับอิสรภาพ อัลเบอริชยินยอมมอบทองคำ แต่ขัดขืนไม่ยอมส่งแหวนวิเศษ จอมเทพโวทันจึงตัดนิ้วอัลเบอริชและนำแหวนมาสวมไว้เอง อัลเบอริชจึงสาปแหวนว่าใครก็ตามที่สวมแหวนนี้ จะต้องมีชีวิตอย่างหวาดระแวง และจะถูกแย่งแหวนและโดนฆ่าในที่สุด
ทองคำที่ยึดมา ไม่สามารถปิดบังรัศมีของไฟรอาจนมิดชิด เหลือแต่เพียงช่องว่างขนาดเท่าดวงตา ยักษ์ฟาฟเนอร์เห็นแหวนที่นิ้วของจอมเทพ จึงเรียกร้องจะเอาแหวน จอมเทพจึงยอมมอบแหวนให้แก่ฟาฟเนอร์ พวกยักษ์ปล่อยตัวประกันและเริ่มแบ่งสมบัติ แต่แบ่งไม่ลงตัว ฟาฟเนอร์จึงทุบฟาโซลท์จนตาย และใช้หมวกทาร์นเฮล์มแปลงกายเป็นมังกรและคุ้มครองสมบัติกับแหวนอยู่ในป่าลึก
ปฐมภาค: ธิดาวัลคือเรอ[แก้]
ชายแปลกหน้าหลบพายุเข้ามาในกระท่อมหลังหนึ่งใกล้ต้นไม้ยักษ์ในสภาพไร้อาวุธและบาดเจ็บเกินจะไปต่อ เขาพบกับซีคลินเดอ (Sieglinde) นางแนะนำตัวว่าเป็นภริยาของชายที่ชื่อฮุนดิง (Hunding) ทั้งสองเริ่มมีความสนใจต่อกัน แต่ก็ถูกขัดจังหวะโดยสามีของนางที่ชื่อฮุนดิง ฮุนดิงเห็นชายแปลกหน้าสวมใส่เสื้อคลุมขนหมาป่า จึงต้อนรับอย่างดิบดีโดยเรียกว่า "พ่อหนุ่มหมาป่า"
ชายแปลกหน้าอธิบายว่าตนเองเคยเติบโตในป่า อยู่กับพ่อแม่และน้องสาวฝาแฝดอีกคน พ่อของเขามีนามว่า "วอล์ฟ" (Wolf) เป็นคนที่มีศัตรูไปทั่ว วันหนึ่งเมื่อเขากลับถึงบ้าน ก็พบว่าบ้านถูกเผาวอด แม่ถูกฆ่า พ่อกับน้องสาวก็หายตัวไป ที่พบมีเพียงเสื้อคลุมขนหมาป่าของบิดาตกอยู่ในป่า ตัวเองเลยต้องระหกระเหินคนเดียวนับแต่นั้น ไม่กี่วันก่อนเขาเห็นหญิงสาวถูกฉุดลาก เลยเข้าไปช่วยหล่อนและฆ่าชายพวกนั้น แต่มารู้ทีหลังว่าผู้ตายคือพี่ชายและญาติที่ลากเธอไปแต่งงาน ครอบครัวนั้นเลยตามล่าเขา เขาต่อสู้จนได้รับบาดเจ็บ สูญเสียดาบ และหลบหนีมา ฮุนดิงเปิดเผยว่าตนเองคือหนึ่งในคนที่กำลังตามล่าชายแปลกหน้า ฮุนดิงบอกว่าคืนนี้บ้านหลังนี้จะต้อนรับพ่อหนุ่มหมาป่า แต่วันพรุ่งนี้ต้องสู้กันจนตายไปข้างหนึ่ง
เมื่ออยู่คนเดียว ชายแปลกหน้าตัดพ้อถึงบิดา บิดาของเขาเคยสัญญาว่าจะมอบดาบให้ในยามที่เขาต้องการที่สุด แล้วไหนล่ะดาบ? แล้วซีคลินเดอก็เข้ามาหาเขา เธอวางยานอนหลับสามีเพื่อจะได้พบชายแปลกหน้าเพียงลำพัง เธอระบายความอัดอั้นว่าเธอเองก็เป็นคนที่ถูกบังคับให้แต่งงานเหมือนกัน นางเล่าว่าในวันแต่งงานของนาง มีชายแก่น่ากลัวคนหนึ่งปักดาบไว้ที่ต้นไม้ยักษ์ แล้วประกาศว่ามีเพียงวีรบุรุษเท่านั้นที่จะดึงออก แต่ไม่เคยมีใครดึงออก ทั้งสองโอบกอดกัน แล้วซีคลินเดอก็เผยว่าตนเองคือน้องสาวที่พลัดพรากของชายแปลกหน้า นางเรียกเขาด้วยชื่อจริงว่าซีคมุนด์ (Siegmund) นางเชื่อว่าซีคมุนด์คือวีรบุรุษที่จะมาปลดปล่อยเธอจากฮุนดิง ซีคมุนด์ดึงดาบอย่างง่ายดายและตั้งชื่อมันว่า "ดาบโนทุง" (Nothung) ที่แปลว่าดาบปรารถนา แล้วทั้งสองก็บรรเลงรักกัน
บนสันเขาสูง จอมเทพผู้เป็นบิดาของซีคมุนด์ บัญชาให้ธิดาวัลคือเรอนามว่าบรึนฮิลเดอ (Brünhilde) ปกป้องซีคมุนด์ในการต่อสู้วันรุ่งขึ้น แต่แล้วเทพีฟริกกาก็ปรากฏตัว นางในฐานะเทพีแห่งครอบครัวต้องการให้ซีคมุนด์และซีคลินเดอได้รับโทษข้อหาคบชู้และสมสู่ร่วมสายโลหิต ทั้งสองยกเหตุผลมาโต้เถียงกัน แต่จอมเทพเถียงสู้ไม่ได้ จึงยอมตกลงว่าจะไม่ปกป้องซีคมุนด์ และจำใจสั่งบรึนฮิลเดอทำให้ฮุนดิงเป็นฝ่ายชนะ
บรึนฮิลเดอแจ้งซีคมุนด์เกี่ยวกับความตายที่กำลังมาเยือน แต่นางพาซีคลินเดอไปวัลฮัลลาด้วยไม่ได้ ซีคมุนด์ไม่ยอมเป็นฝ่ายตาย เขาเชื่อว่าดาบโนทุงจะนำมาซึ่งชัยชนะ แต่บรึนฮิลเดอแจ้งว่าดาบโนทุงไม่มีพลัง ซีคมุนด์จึงขู่ว่าจะฆ่าซีคลินเดอและฆ่าตัวตายตาม บรึนฮิลเดอสงสารจึงขัดคำสั่งจอมเทพ ในการประลอง ซีคมุนด์ได้เปรียบเหนือฮุนดิงด้วยอำนาจของบรึนฮิลเดอ แต่แล้วจอมเทพก็ปรากฏตัวและใช้หอกทำลายดาบของซีคมุนด์จนแตกละเอียด ฮุนดิงแทงซีคมุนด์ถึงแก่ความตาย บรึนฮิลเดอเก็บเศษซากของดาบโนทุงและขี่ม้าหนีไปพร้อมกับซีคลินเดอ จากนั้นจอมเทพก็ฆ่าฮุนดิงและไล่ตามบรึนฮิลเดอ
บรรดาวัลคือเรอรวมตัวบนยอดเขาแห่งหนึ่ง แต่ละนางกำลังอุ้มร่างไร้ลมหายใจของบรรดาวีรชนที่ตายในการรบ บรึนฮิลเดอมาถึงพร้อมกับซีคลินเดอและร้องขอความช่วยเหลือจากเหล่าพี่น้อง แต่ไม่มีใครกล้าขัดคำสั่งจอมเทพ ซีคลินเดอกล่าวว่าถ้าไม่มีซีคมุนด์ นางก็ไม่อยากมีชีวิตต่อ บรึนฮิลเดอแจ้งว่าซีคลินเดอตั้งท้องกับซีคมุนด์ ขอให้นางมีชีวิตต่อเพื่อเห็นแก่เด็ก และขอให้ตั้งชื่อเด็กว่าซีคฟรีท (Siegfried) บรึนฮิลเดอมอบเศษซากดาบโนทุงให้แก่นาง เมื่อซีคลินเดอจากไป จอมเทพก็เดินทางมาถึงพร้อมความพิโรธ ทรงริบฤทธิ์เดชของบรึนฮิลเดอเป็นเพียงหญิงมนุษย์ นางจะต้องหลับไหลอยู่บนภูเขาจนกว่าจะมีบุรุษมาพบนาง แล้วจอมเทพก็บันดาลให้นางหลับไหลอยู่บนหินก้อนหนึ่ง และรับสั่งให้อัคคีเทพโลเกอเสกเปลวไฟนิรันดร์คลุมรอบภูเขาเอาไว้
มัชฌิมภาค : ซีคฟรีท[แก้]
ในป่าลึกภายในหุบเขา ซีคฟรีทกลับจากการเที่ยวเล่นในป่าพร้อมกับดาบที่ทำพังอีกแล้ว ซีคฟรีทตำหนิคนแคระนามว่ามีเมอ ว่าไม่มีปัญญาทำดาบดีๆ ทั้งสองมีปากเสียง มีเมอตัดพ้อว่าเลี้ยงดูซีคฟรีทมาตั้งแต่เกิด ซีคฟรีทไม่เชื่อว่ามีเมอคือพ่อที่แท้จริงของตน เพราะพละกำลังต่างกันลิบลับ จึงเค้นเอาความจริง มีเมอสารภาพว่าเขาพบกับหญิงนามว่าซีคลินเดอในป่า นางคลอดลูกและเสียชีวิต มีเมอจึงเก็บซีคฟรีทมาเลี้ยง มีเมอเอาเศษซากดาบโนทุงมาแสดง ซึ่งเป็นดาบของบิดาที่แท้จริง ซีทฟรีดสั่งให้มีเมอตีดาบโนทุงขึ้นมาใหม่จากเศษซากเดิม แล้วก็โกรธหัวเหวี่ยงออกจากบ้าน มีเมอรู้สึกอับจนหนทาง เขาเก็บบุตรมนุษย์มาเลี้ยงเพื่อหวังให้จัดการมังกร แล้วตนเองจะได้ครอบครองแหวน แต่ตอนนี้ ตนเองกลับไม่มีปัญญาสร้างดาบที่จะใช้ฆ่ามังกร
ชายแก่คนหนึ่งปรากฏตัวที่หน้าบ้านและแนะนำตัวว่าเขาเป็นนักพเนจร ขอมาแวะพักสักครู่ เพื่อเป็นการตอบแทน ชายแก่จะตอบคำถามสามข้อ มีเมอจึงถามว่า ชื่อของเผ่าที่จอมเทพรักใคร่ที่สุดแต่ถูกปฏิบัติอย่างโหดร้ายที่สุด, ชื่อของดาบที่สามารถสังหารมังกรฟาฟเนอร์ และชื่อของผู้ที่สามารถตีดาบนั้น ชายแก่ตอบตามลำดับว่า "เผ่าเวิลซุง" (เผ่าของมารดาของซีคมุนด์กับซีคลินเดอ), "ดาบโนทุง" และ "ผู้ไม่รู้จักกลัว" แล้วชายแก่ก็จากไป มีเมอไม่มีปัญหากับสองคำตอบแรก แต่คำตอบสุดท้ายทำเอาเขาหัวเสียทีเดียว
ซีคฟรีทกลับมาที่บ้าน แล้วถามหาดาบที่สั่งไว้ มีเมอบอกว่าตนหมดปัญญาแล้ว แล้วมีเมอก็นึกได้ว่า "ผู้ไม่รู้จักกลัว" คงหมายถึงซีคฟรีท สิ่งเดียวที่ซีคฟรีทกลัวคือตนเอง นักพเนจรคงทำนายไว้ว่าในอนาคต มีเมอจะถูกซีคฟรีทฆ่า เมื่อมีเมอคิดได้ดังนั้นจึงบอกซีคฟรีทว่า ทักษะที่สำคัญอย่างหนึ่งคือความกลัว ชายหนุ่มมีท่าทางสนใจมาก(เพราะไม่รู้ว่าความกลัวหมายถึงอะไร) มีเมอจึงบอกว่างั้นจะพาไปหามังกรฟาฟเนอร์เพื่อสอนให้รู้จักความกลัว ชายหนุ่มจึงลงมือตีดาบโนทุงด้วยตนเอง ในเวลาเดียวกัน มีเมอก็แอบปรุงยาพิษเพื่อใช้กับซีคฟรีทหลังฆ่ามังกร และแล้วชายหนุ่มก็ตีดาบโนทุงสำเร็จ
ในคืนเดียวกัน นักพเนจรปรากฏตัวต่อหน้าอัลเบอริช พี่ชายของมีเมอ ซึ่งเฝ้ารออยู่หน้าปากถ้ำมังกรมาตลอดเพื่อรอให้ใครสักคนมาจัดการมังกร แล้วตนเองจะได้ครอบครองแหวนอีกครั้ง อัลเบอริชเห็นนักพเนจรก็รู้ว่านั่นคือจอมเทพ จอมเทพบอกว่าตนไม่ได้จะมาแทรกแซง แค่มาสังเกตการณ์ พร้อมบอกอัลเบอริชให้ระวังมีเมอเอาไว้ จอมเทพปลุกฟาฟเนอร์และเตือนว่ากำลังจะมีวีรบุรุษหนุ่มมาฆ่าเขา อัลเบอริชบอกให้ฟาฟเนอร์ทิ้งแหวนเสีย ไม่งั้นจะโดนฆ่า ฟาฟเนอร์ไม่สนใจและหลับต่อ อัลเบอริชและนักพเนจรเดินทางจากไป
วันต่อมา เมื่อซีคฟรีทไปถึงปากถ้ำก็ได้ยินเสียงนกร้องเป็นทำนองไพเราะ จึงเป่าขลุ่ยเลียนเสียงแต่ไม่เหมือน จึงลองด้วยแตรเขาสัตว์ก็ยังไม่เหมือนอีก ฟาฟเนอร์ตื่นและออกมาจากถ้ำ หลังพูดคุยกันสักพัก ทั้งสองก็ต่อสู้กัน ซีคฟรีทสามารถแทงดาบโนทุงที่กลางใจของฟาฟเนอร์ เลือดของมังกรเปื้อนตัวเขายกเว้นด้านหลัง มังกรเตือนชายหนุ่มเกี่ยวกับคำสาปแห่งแหวนแล้วก็สิ้นใจ ซีคฟรีทเลียนิ้วที่เปื้อนเลือดมังกรแล้วพลันเขาก็เข้าใจภาษานก เลือดมังกรทำให้เขาอ่านใจมีเมอได้ด้วย เมื่อเห็นว่ามีเมอเอายาพิษมาให้ดื่ม ซีคฟรีทจึงสังหารมีเมอด้วยความรังเกียจ ด้วยเหตุฉะนี้ ซีคฟรีทจึงได้ครอบครองหมวกทาร์นเฮล์มและแหวนวิเศษ ซีคฟรีทอยู่โดดเดี่ยวกลางธรรมชาติ ฝูงนกเล่าให้ซีคฟรีทฟังว่ามีชาวสวรรค์หลับไหลอยู่บนภูเขากลางทะเลเพลิง ชายหนุ่มสงสัยว่าชาวสวรรค์จะทำให้เขารู้จักความกลัวได้ไหม จึงตามฝูงนกไปยังภูเขา
ซีคฟรีทมาถึงตีนเขาก็พบกับนักพเนจร นักพเนจรถามคำถามชายหนุ่ม ชายหนุ่มไม่รู้ว่าอีกฝ่ายคือจอมเทพ คิดว่าเป็นชายแก่ธรรมดาจึงตอบกลับอย่างโอหัง นักพเนจรขวางซีคฟรีทจึงเกิดการต่อสู้กัน ซีคฟรีทใช้ดาบโนทุงทำลายหอกของนักพเนจร(เล่มเดียวกับที่เคยทำลายดาบโนทุง)จนแตกเป็นเสี่ยงๆ นักพเนจรเห็นดังนั้นก็เข้าใจว่ายุคแห่งการปกครองโดยทวยเทพสิ้นสุดแล้ว จึงเก็บเศษซากหอกและจากไปโดยสงบ ซีคฟรีทมาถึงยอดเขาและพบคนในชุดเกราะนอนหลับไหลอยู่ ชายหนุ่มไม่เคยเห็นสตรีมาก่อนจึงเข้าใจว่าคนในชุดเกราะเป็นผู้ชาย เมื่อเขาถอดชุดเกราะของอีกฝ่ายออก ความงดงามของบรึนฮิลเดอก็ทำให้เขาตกตะลึง ชายหนุ่มคิดว่าอีกฝ่ายเป็นผู้ชายที่งดงามอะไรเช่นนี้ ชายหนุ่มจุมพิตอีกฝ่ายเพื่อปลุกจากนิทรา ในตอนแรกนางปฏิเสธรักจากซีคฟรีท เพราะความรักกับมนุษย์จะทำให้ความเป็นอมตะของเธอสิ้นสุดลง แต่สุดท้าย เธอก็ยอมรับรักจากซีคฟรีท และครองรักกันอย่างมีความสุข
ปัจฉิมภาค: เทวาอัสดง[แก้]
ซีคฟรีทได้ครองรักกับบรึนฮิลเดออย่างมีความสุข วันหนึ่งซีคฟรีทต้องการออกไปผจญโลกภายนอก จึงร่ำลาภรรยาและสัญญาว่าจะรักนางเพียงผู้เดียว พร้อมสวมแหวนวิเศษให้นางเป็นของดูต่างหน้า แล้วจึงออกเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ
ริมแม่น้ำไรน์มีนครแห่งหนึ่งนามว่ากีบิชชุง ซึ่งถูกปกครองโดยกษัตริย์กุนเทอร์ (Gunther) พระองค์มีขนิษฐาร่วมบิดามารดานามว่ากูทรูเนอ (Gutrune) และมีน้องชายต่างบิดานามว่าฮาเกิน (Hagen) ซึ่งพ่อของฮาเกินก็คืออัลเบอริช โดยที่กษัตริย์กุนเทอร์และขนิษฐากูทรูเนอยังโสดทั้งคู่ ฮาเกินต้องการครองแหวนวิเศษซึ่งเคยเป็นของบิดาตน จึงถวายคำแนะนำองค์กษัตริย์และพระขนิษฐาว่าสมควรที่จะทั้งสองจะหาคู่อภิเษกสมรสได้แล้ว และบนปฐพีนี้ก็ไม่มีผู้ใดคู่ควรกับองค์กษัตริย์และพระขนิษฐามากยิ่งกว่านางฟ้าตกสวรรค์นามว่าวัลคือเรอ กับยอดวีรบุรุษนามว่าซีคฟรีท ตามลำดับ
กษัตริย์กุนเทอร์ไม่ทราบว่าซีคฟรีทกับบรึนฮิลเดอร์เป็นคู่รักกัน จึงเห็นด้วยกับแผนการของเสนาบดีฮาเกิน ฮาเกินจึงลวงซีคฟรีทเข้ามาในวังและวางยาเสน่ห์จนเขาลืมภรรยาและเมารักพระขนิษฐา ซีคฟรีทสาบานเป็นพี่น้องกับกษัตริย์กุนเทอร์ และสัญญาว่าจะเอาตัวนางฟ้าตกสวรรค์มาถวายเป็นชายา
ซีคฟรีทเดินทางกลับไปยังภูเขาอัคคีโดยใช้ของวิเศษแปลงกายให้มีใบหน้าเหมือนกษัตริย์กุนเทอร์ ฝ่าทะเลเพลิงขึ้นไปข่มเหงบรึนฮิลเดอ ถอดแหวนวิเศษที่เป็นเครื่องรางความรักมาสวมไว้เอง ก่อนที่จะนำตัวบรึนฮิลเดอกลับไปถวายกษัตริย์กุนเทอร์ เมื่อถึงราชวัง บรึนฮิลเดอพบกับซีคฟรีทที่กลายเป็นสามีของพระขนิษฐา เมื่อนางเห็นแหวนวิเศษบนนิ้วของซีคฟรีท นางจึงประติดประต่อเรื่องราวทั้งหมดและแค้นที่ถูกทรยศ นางจึงบอกฮาเกินว่ากลางแผ่นหลังคือจุดอ่อนเดียวของซีคฟรีท
ฮาเกินให้ซีคฟรีทดื่มน้ำถอนยาเสน่ห์ ซีคฟรีทคืนความทรงจำและตระหนักถึงความผิดพลาด เขาคร่ำครวญเสียใจและถูกฮาเกินฆ่าตาย จากนั้น ฮาเกินกับกษัตริย์กุนเทอร์ก็แย่งชิงแหวนวิเศษจนตายทั้งคู่ บรึนฮิลเดอตัดสินใจว่าจะล้างคำสาปของแหวน นางจัดพิธีเผาศพให้ซีคฟรีทอย่างสมเกียรติ นางสวมแหวนและขี่ม้าเข้าไปในกองเพลิงเผาศพสามี และมอดไหม้สูงถึงสรวงสรรค์ จอมเทพประทับอยู่ในวัลฮัลลาท่ามกลางเปลวเพลิง รอคอยการสิ้นสุดแห่งยุคเทพ และกำเนิดยุคของมนุษย์ หลังเปลวเพลิงล้างผลาญ แม่น้ำไรน์ก็ไหลบ่าขึ้นท่วมทุกสิ่ง ทองคำกลับสู่ที่ที่ควรจะอยู่
อิทธิพล[แก้]
แหวนของนีเบอลุง เป็นแรงบันดาลใจและมีอิทธิพลอย่างมหาศาลต่อเจ. อาร์. อาร์. โทลคีน ในการแต่งปกรณัมชุดมิดเดิลเอิร์ธ
ดนตรีจากช่วงโหมโรง และฉากที่ 1 ("Hojotoho! Heiaha") องก์ที่ 3 ของภาคDie Walküre มีท่วงทำนองที่ได้รับความนิยม มีชื่อเรียกว่า "วัลคือเรินรีท" (Walkürenritt) หรือ "รีทแดร์วัลคือเริน" (Ritt der Walküren) ออกบรรเลงครั้งแรกเมื่อ ค.ศ. 1870 ที่มิวนิก เป็นตอนที่บรรดาวัลคือเรอพี่สาวของบรึนฮิลเดอจำนวนสี่นางบินรวมกลุ่มกัน ดนตรีท่อนนี้เป็นที่นิยมนำมาบรรเลงซ้ำในวัฒนธรรมสมัยนิยม เช่น นำไปบรรเลงประกอบภาพยนตร์ เดอะ เบิร์ธ ออฟ อะ เนชั่น ในค.ศ. 1915[1] และฉากเฮลิคอปเตอร์ของกองทัพสหรัฐโจมตีหมู่บ้านเวียดกงในภาพยนตร์ อะโพคาลิปส์นาว ใน ค.ศ. 1979[2]
อ้างอิง[แก้]
ข้อมูล[แก้]
- Burbidge, Peter; Sutton, Richard (1979). The Wagner Companion. London. ISBN 0571114504.
- Cooke, Deryck (2000). I Saw the World End: A Study of Wagner's Ring. New York: Oxford University Press. ISBN 0193153181.
- Fifield, Christopher (2005). Ibbs and Tillett: The Rise and Fall of a Musical Empire. London: Ashgate. ISBN 978-1840142907.
- Magee, Bryan (2001). The Tristan chord: Wagner and Philosophy. Metropolitan Books. ISBN 0805067884.
- Mendelssohn, Fanny (1987). Marcia Citron (บ.ก.). Letters of Fanny Hensel to Felix Mendelssohn. Pendragon Press. ISBN 978-0-918728-52-4.
- Millington, Barry (2008). "Der Ring des Nibelungen: conception and interpretation". ใน Grey, Thomas S. (บ.ก.). The Cambridge Companion to Wagner. Cambridge Companions to Music. Cambridge University Press. pp. 74–84. ISBN 978-0521644396.
- Shaw, George Bernard (1898). The Perfect Wagnerite. สืบค้นเมื่อ 2017-04-29 – โดยทาง Project Gutenberg.
- Wagner, Richard (1994). The Art Work of the Future, and other works ("A Communication to My Friends" is on pp. 269–392.). แปลโดย William Ashton Ellis. Lincoln and London. ISBN 978-0803297524.
อ่านเพิ่ม[แก้]
- Besack, Michael, The Esoteric Wagner – an introduction to Der Ring des Nibelungen, Berkeley: Regent Press, 2004 ISBN 9781587900747.
- Di Gaetani, John Louis, Penetrating Wagner's Ring: An Anthology. New York: Da Capo Press, 1978. ISBN 9780306804373.
- Gregor-Dellin, Martin, (1983) Richard Wagner: His Life, His Work, His Century. Harcourt, ISBN 0151771510.
- Holman, J. K. Wagner's Ring: A Listener's Companion and Concordance. Portland, Oregon: Amadeus Press, 2001.
- Lee, M. Owen, (1994) Wagner's Ring: Turning the Sky Round. Amadeus Press, ISBN 9780879101862.
- Magee, Bryan, (1988) Aspects of Wagner. Oxford University Press, ISBN 0192840126.
- May, Thomas, (2004) Decoding Wagner. Amadeus Press, ISBN 9781574670974.
- Millington, Barry (editor) (2001) The Wagner Compendium. Thames & Hudson, ISBN 0500282749.
- Sabor, Rudolph, (1997) Richard Wagner: Der Ring des Nibelungen: a companion volume. Phaidon Press, ISBN 0714836508.
- Scruton, Sir Roger, (2016) The Ring of Truth: The Wisdom of Wagner's Ring of the Nibelung. Penguin UK, ISBN 1468315498.
- Spotts, Frederick, (1999) Bayreuth: A History of the Wagner Festival. Yale University Press ISBN 0712652779.
แหล่งข้อมูลอื่น[แก้]
- ฟังผลงาน Prelude and entrance of the Gods into Valhalla (From Das Rheingold) ที่ มิวโซเพน
- ฟังผลงาน Die Walkure (The Valkyries) ที่ มิวโซเพน
- ฟังผลงาน Fantasie, Funeral March and Finale (from Siegfried) ที่ มิวโซเพน
- "Das Rheingold – Entire vocal score online". William and Gayle Cook Music Library. Indiana University School of Music.
- Ring synopsis
- Anthony Tommasini (21 July 2007). "The 'Kirov' Ring: Let's Hear It for the Home Team". The New York Times. สืบค้นเมื่อ 10 July 2020.
- "Radio Lab – The Ring and I". WNYC – A podcast about The Ring. 2004.